เครื่องพิมพ์ ช่องโหว่ความปลอดภัยในองค์กรที่มักถูกมองข้าม

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Jan 12, 2016.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    ในโลกยุคที่ภัยคุกคามด้านไอทีเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา องค์กรมักใส่ใจป้องกันคอมพิวเตอร์พีซี และระบบเครือข่ายขององค์กรเป็นหลัก แต่มักลืมไปว่า “เครื่องพิมพ์” ที่ทุกวันนี้เชื่อมต่อระบบเครือข่ายกันหมดแล้ว อาจเป็นช่องโหว่ให้ผู้ประสงค์ร้ายเข้ามาล้วงข้อมูลขององค์กรได้

    เหตุผลที่เครื่องพิมพ์ (รวมถึงเครื่องมัลติฟังก์ชันที่มีความสามารถด้านสแกนและแฟกซ์ด้วย) กลายเป็นช่องโหว่ด้านความปลอดภัย เพราะเป็นอุปกรณ์ส่วนกลางที่ต้องเปิดให้พนักงานทุกคนเข้าถึงและใช้งานได้ แต่กลับเป็นทางผ่านของข้อมูลเอกสารสำคัญๆ ขององค์กร ทั้งจากไฟล์งานที่ถูกส่งผ่านเครือข่ายเข้ามาพิมพ์ลงกระดาษ และเอกสารที่นำมาสแกนแล้วส่งเป็นไฟล์ออกนอกองค์กร

    ที่ผ่านมาเคยมีกรณีแฮ็กเกอร์เข้ามาแฮ็กระบบเฟิร์มแวร์ของเครื่องพิมพ์ เพื่อดักข้อมูลสำคัญๆ ขององค์กรที่วิ่งผ่านเครื่องพิมพ์ไปใช้งานกันบ้างแล้ว องค์กรจึงควรใส่ใจแก้ปัญหานี้โดยเร็ว

    [​IMG]

    HP LaserJet Enterprise เครื่องพิมพ์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก


    เดิมทีนั้น เครื่องพิมพ์ของ HP มีฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยมาในระดับหนึ่งแล้ว เช่น เข้ารหัสไดรเวอร์ เข้ารหัสฮาร์ดดิสก์ภายในเครื่อง และมีระบบลายเซ็นดิจิทัล (digital signing) เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง (integrity) ของโค้ดเฟิร์มแวร์

    อย่างไรก็ตาม ใน HP LaserJet Enterpriseเครื่องพิมพ์สำหรับตลาดองค์กรของ HP รุ่นล่าสุดที่ออกช่วงปลายปี 2015 มีฟีเจอร์ใหม่อีก 3 อย่างที่ช่วยยกระดับความปลอดภัยของเครื่องพิมพ์ และป้องกันปัญหาจากการถูกแฮ็กผ่านเครื่องพิมพ์ได้ ด้วยเหตุนี้เราจึงอาจเรียกว่าเครื่องพิมพ์เหล่านี้เป็นเครื่องพิมพ์ที่ปลอดภัยที่สุดในโลก (The World’s Most Secure Printers)

    [​IMG]

    ฟีเจอร์ทั้ง 3 อย่าง ทำงานที่ระดับต่างกัน และประสานงานกันเพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของเครื่องพิมพ์ตลอดเวลา โดยมีรายละเอียดดังนี้

    HP Sure Start


    คุ้มครองที่ระดับของ BIOS ตั้งแต่เครื่องพิมพ์ถูกเปิดสวิตช์เริ่มต้นทำงาน กระบวนการทำงานของ HP Sure Start จะเป็นฮาร์ดแวร์พิเศษที่คอยตรวจสอบ BIOS ทุกครั้งที่บูตเครื่องว่ามันถูกเขียนทับหรือไม่ (โดยเช็คจากลายเซ็นดิจิทัลของ BIOS ว่าผิดเพี้ยนไปจากของเดิมหรือไม่)

    ถ้า HP Sure Start พบว่า BIOS ของเครื่องมีปัญหา จะเข้ากระบวนการรักษาตัวเอง (self-healing) โดยคัดลอกไฟล์ BIOS ที่เชื่อถือได้ที่เก็บอยู่ในพื้นที่พิเศษเครื่อง หรือที่เรียกว่า Golden Copy มาเขียนทับ BIOS เดิม เพื่อให้เครื่องพิมพ์สามารถบูตได้อย่างปลอดภัย ฟีเจอร์นี้เทียบได้กับระบบ Secure Boot ของพีซีในยุคหลังๆ

    [​IMG]

    HP Whitelisting


    ขั้นถัดมาหลังบูต BIOS เสร็จเรียบร้อยแล้ว เครื่องพิมพ์จะโหลดเฟิร์มแวร์ (HP เรียกว่า FutureSmart Firmware เทียบได้กับระบบปฏิบัติการของพีซี) เข้าสู่หน่วยความจำ

    ขั้นตอนนี้เป็นหน้าที่ของฟีเจอร์ HP Whitelisting มาตรวจสอบเฟิร์มแวร์ของเครื่องพิมพ์ ในลักษณะเดียวกับการตรวจสอบ BIOS ว่าเป็นเฟิร์มแวร์ที่เชื่อถือได้และปลอดภัยหรือไม่ ก่อนโหลดเฟิร์มแวร์นั้นเข้าสู่หน่วยความจำ

    ถ้าหาก HP Whitelisting พบว่าเฟิร์มแวร์ถูกแฮ็กหรือมีปัญหา เครื่องจะถูกรีบูตเข้าสู่สถานะออฟไลน์ และส่งข้อความแจ้งเตือนแผนกไอทีขององค์กรให้มาแฟลชเฟิร์มแวร์ใหม่

    [​IMG]

    HP Intrusion Detection


    เมื่อตรวจสอบ BIOS และเฟิร์มแวร์เรียบร้อย โหลดเข้าหน่วยความจำ และเครื่องพิมพ์ทำงานได้ตามปกติแล้ว ยังมีระบบความปลอดภัยอีกตัวชื่อ HP Intrusion Detection คอยตรวจสอบความเรียบร้อยตลอดระยะเวลาที่เครื่องทำงาน เพื่อป้องกันการโดนแฮ็กระหว่างการรัน (runtime attack)

    วิธีการทำงานของ HP Intrusion Detection คล้ายกับซอฟต์แวร์แอนตี้ไวรัสหรือระบบไฟร์วอลล์ประเภท IPS (Intrusion Prevention System) ของพีซี ระบบจะคอยมอนิเตอร์หน่วยความจำว่ามีพฤติกรรมผิดปกติหรือไม่ และถ้าพบพฤติกรรมผิดปกติก็จะรีบูตเครื่อง เพื่อเริ่มสถานะการตรวจสอบใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่การเปิดเครื่องพิมพ์เพื่อทดสอบ BIOS อีกครั้ง

    [​IMG]

    จะเห็นว่าระบบความปลอดภัยทั้ง 3 ตัวจะให้ความคุ้มครองตลอดระยะเวลาที่เปิดเครื่อง ตั้งแต่การบูต การโหลดเฟิร์มแวร์ และขณะทำงาน ถ้าพบเหตุการณ์ผิดปกติ เครื่องจะรีบูตกลับไปตรวจสอบใหม่ตั้งแต่ขั้นตอนของ HP Sure Start



    นอกจากฟีเจอร์ใหม่ทั้ง 3 อย่างแล้ว ฝั่งของการบริหารจัดการความปลอดภัย HP ยังมีชุดซอฟต์แวร์อีก 2 ตัวที่ช่วยให้แอดมินขององค์กรบริหารจัดการความปลอดภัยของเครื่องพิมพ์ได้สะดวกขึ้น ได้แก่ HP JetAdvantage Security Manager คอยดูเรื่องการตั้งค่าของเครื่องให้เข้าเกณฑ์ความปลอดภัย (security policy) ขององค์กร และ HP ArcSight Integration ระบบตรวจสอบและวิเคราะห์สภาพความปลอดภัยขององค์กร

    เครื่องพิมพ์ HP LaserJet Enterprise รุ่นใหม่ๆ (ที่ใช้รหัส M ตามด้วยตัวเลข 3 ตัว) จะได้อัพเดตฟีเจอร์ Whitelisting และ Intrusion Detection ในช่วงต้นปี 2016 ส่วนฟีเจอร์ HP Sure Start ที่ต้องอาศัยฮาร์ดแวร์พิเศษ จะเริ่มมีใช้กับเครื่องพิมพ์รุ่นปลายปี 2015 เป็นต้นไป

    ความปลอดภัยเชิงกายภาพ


    ในส่วนของความปลอดภัยเชิงกายภาย (physical security) ที่อาจไม่เจอปัญหาการแฮ็กระบบ แต่มีความเสี่ยงต่อปัญหาข้อมูลองค์กรรั่วไหล (เช่น มีคนมาขโมยกระดาษที่สั่งพิมพ์เสร็จแล้ว) เครื่องพิมพ์ของ HP ยังมีฟีเจอร์ช่วยแก้ปัญหาด้านนี้อีกหลายอย่าง เช่น

    • การสั่งพิมพ์โดยการแตะบัตรพนักงานที่มีชิป RFID พนักงานสามารถสั่งพิมพ์งานจากระยะไกล แต่เครื่องพิมพ์จะเริ่มพิมพ์เมื่อพนักงานเดินมาแตะบัตรที่เครื่องเท่านั้น
    • ฮาร์ดดิสก์ในเครื่องที่ทำหน้าที่เป็นสตอเรจไฟล์งาน ถูกเข้ารหัสข้อมูลไว้ ต่อให้มีคนแกะฮาร์ดดิสก์ไปได้ ก็ไม่สามารถเข้าถึงไฟล์ภายในฮาร์ดดิสก์ได้
    • การสแกนเอกสารจะถูกเข้ารหัสข้อมูลเสมอ และสามารถตั้งค่าได้ว่าพนักงานสามารถมาสแกนเอกสาร แล้วส่งไปยังใครได้บ้าง เพื่อตรวจสอบข้อมูลไม่ให้รั่วไหลจากการสแกน

    [​IMG]

    เครื่องพิมพ์ LaserJet รุ่นปี 2015 ที่มีฟีเจอร์ความปลอดภัย ได้แก่ HP LaserJet Enterprise และ LaserJet Pro ซีรีส์ M400 และ M500 สำหรับตลาด Small Workteam (องค์กรขนาด 5-15 คน)

    HP LaserJet Pro 400 Series รุ่นใหม่ของปี 2015 ได้แก่

    • LaserJet Pro M402 (เลเซอร์ขาวดำ)
    • LaserJet Pro MFP M426 (มัลติฟังก์ชันขาวดำ)
    • Color LaserJet Pro M452 (เลเซอร์สี)
    • Color LaserJet Pro MFP M477 (มัลติฟังก์ชันสี)

    [​IMG]

    HP LaserJet Enterprise 500 Series รุ่นใหม่ของปี 2015 ได้แก่

    • LaserJet Enterprise M506 (เลเซอร์ขาวดำ)
    • LaserJet Enterprise MFP M527 (มัลติฟังก์ชันขาวดำ)
    • Color LaserJet Enterprise M553 (เลเซอร์สี)
    • Color LaserJet Enterprise MFP M577 (มัลติฟังก์ชันสี)

    [​IMG]

    Advertorial, Enterprise, HP, Printer, Security
     

Share This Page