รีวิว Samsung Galaxy S6 edge+ รุ่นขยายใหญ่ของสมาร์ทโฟนยอดนิยมแห่งปี 2015

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Oct 10, 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    [​IMG]
    ถ้าพูดถึงตลาดสมาร์ทโฟนช่วงต้นปี 2015 หนึ่งในสมาร์ทโฟนที่ได้รับความนิยมพอสมควรในตลาดคงจะหลีกเลี่ยง Samsung Galaxy S6 และ Samsung Galaxy S6 edge ไม่ได้ แต่ในเมื่อสิ่งที่มีอยู่กลับตอบโจทย์ลูกค้าได้ไม่ดีพอ การออกรุ่นเสริมจึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่หลายๆ ผู้ผลิตได้นำมาเลือกใช้กัน ซึ่งซัมซุงเองก็ได้เลือกใช้แนวทางนี้ในการออกรุ่นเสริมของ Samsung Galaxy S6 เพิ่มอีกหนึ่งรุ่น และนั่นก็คือ Samsung Galaxy S6 edge+ ที่เปิดตัวไปพร้อมๆ กับ Samsung Galaxy Note 5 เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานั่นเอง

    การมาของ Samsung Galaxy S6 edge+ ทำให้เห็นได้ชัดเจนว่าซัมซุงต้องการบุกตลาดสมาร์ทโฟนจอใหญ่อย่างต่อเนื่อง (ไม่นับ Galaxy Note 5 ที่ซัมซุงจัดอยู่ในหมวด Phablet) หลังจากที่ก่อนหน้านี้ก็มี Samsung Galaxy Mega หรือ Samsung Galaxy A8 ที่เป็นรุ่นสำหรับตลาดกลางออกมาทำตลาดบ้าง แต่สำหรับครั้งนี้ เป็นการนำโมเดลตัวเรือธงมาตลาดกลุ่มจอใหญ่ และแยกตลาดออกจาก Samsung Galaxy Note 5 โดยชัดเจนกันเลยทีเดียว

    สำหรับสเปคของ Samsung Galaxy S6 edge+ นั้น เรียกได้แรงพอๆ กับ Samsung Galaxy Note 5 กันเลยทีเดียว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้ครับ

    • หน่วยประมวลผล Exynos 7420 แบบ Octa-core (2.1 GHz + 1.5 GHz) 64 บิต
    • รัน Android 5.1 Lollipop พร้อมรองรับการอัปเกรดเป็น Android 6.0 Marshmellow ในอนาคต
    • หน่วยความจำภายใน 32 GB , แรม LPDDR4 4GB
    • กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซลแบบ ISOCELL พร้อมรูรับแสงที่ f/1.9, กล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงที่ f/1.9
    • แบตเตอรี่ 3,000 mAh รองรับ Fast Charge และมาตรฐานชาร์จไร้สาย WPC และ PMA

    เกริ่นมาพอสมควร ทีนี้เราลองมาดูตัวเครื่องจริงกันดีกว่าครับ

    รูปลักษณ์และลักษณะภายนอก


    สำหรับตัวเครื่อง ก็ยังคงมีเส้นสายการออกแบบที่เหมือนกับ Samsung Galaxy S6 edge รุ่นเดิมอย่างไม่ผิดเพี้ยน ทั้งตำแหน่งการวางองค์ประกอบหลักๆ รวมถึงลักษณะของจอภาพที่เป็นแบบโค้งข้างทั้งสองด้านด้วย

    ด้านบนของจอภาพจะเป็นที่อยู่ของลำโพง ไฟแจ้งเตือน เซ็นเซอร์รับแสง และกล้องหน้า 5 ล้านพิกเซล

    [​IMG]

    ด้านล่างของจอภาพก็จะเป็นปุ่ม Home พร้อมตัวอ่านลายนิ้วมือ และมีปุ่ม Recent Apps และ Back เป็นแบบสัมผัส ซึ่งจะมีไฟติดขึ้นมาเมื่อสัมผัสไปที่ปุ่ม

    [​IMG]

    หน้าจอของ Galaxy S6 edge+ ยังคงเหมือนกับรุ่นแรก แต่มีขนาดใหญ่ขึ้น กล่าวคือตัวจอมีความใหญ่ 5.7 นิ้ว บนความละเอียด QHD เท่าเดิม และตัวหน้าจอยังเป็นแบบ Super Amoled+ ให้สภาพสีที่สดใส และหน้าจอสว่างพอที่จะสามารถใช้งานกลางแจ้งได้สบายๆ

    [​IMG]

    พลิกมาดูด้านข้างตัวเครื่อง ก็ยังคงวางตำแหน่งของปุ่มและพอร์ตต่างๆ เหมือนกับรุ่นเดิมเปี๊ยบ ไม่ว่าจะเป็นปุ่มปรับเสียงที่อยู่ด้านซ้าย ปุ่ม Power อยู่ด้านขวา ด้านบนเป็นถาดใส่ซิม (ใช้ Nano SIM) และไมโครโฟนตัวที่สอง ด้านล่างเป็นพอร์ตหูฟัง ไมโครโฟนหลัก พอร์ต Micro USB และลำโพงหลัก

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ด้านหลังตัวเครื่องก็ยังคงเป็นกระจกอย่างดี เป็นที่อยู่ของกล้องหลัก 16 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟลช LED และเซ็นเซอร์อ่านอัตราการเต้นของหัวใจ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ซอฟต์แวร์


    ในส่วนของซอฟต์แวร์ก็ยังคงเหมือนกับ Samsung Galaxy S6 หรือ Samsung Galaxy Note 5 อย่างไม่ผิดเพี้ยน แต่เปลี่ยนมารันบน Android 5.1 แทน แล้วครอบทับด้วย TouchWiz UX เวอร์ชันเดียวกับ Galaxy S6

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    สิ่งที่แตกต่างจาก Galaxy S6 edge รุ่นแรก คือ Galaxy S6 edge+ จะเพิ่มความสามารถในการหมุด Apps ไว้ที่ edge ได้ด้วย (ซัมซุงเรียกว่า Apps edge) นอกเหนือจากความสามารถในการหมุดรายชื่อผู้ติดต่อไว้ที่ edge screen

    [​IMG] [​IMG]

    ในส่วนอื่นๆ ของซอฟต์แวร์นั้น แทบไม่ต่างจากรุ่นเดิมมากนัก สามารถอ่านรีวิว Galaxy S6/Galaxy S6 edge ประกอบได้ครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    กล้อง


    เป็นอีกครั้งที่ซัมซุงเน้นกล้องหนักพอสมควร ด้วยคุณสมบัติการถ่ายภาพที่ดีกว่า Galaxy S6 เพิ่มมากขึ้น ทั้งชัตเตอร์สปีดที่ไวขึ้น ISO ที่กว้างขึ้น รวมถึงเพิ่มความสามารถในการรองรับการถ่ายภาพแบบ RAW และเพิ่มลูกเล่นต่างๆ ในส่วนซอฟต์แวร์เข้ามามากมาย

    [​IMG]

    [​IMG]

    สำหรับภาพที่ได้นั้นเรียกว่าดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมพอสมควร ผมลองถ่ายในโหมด Pro และปรับค่าต่างๆ ให้เหมาะสม เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ดังต่อไปนี้ครับ

    [​IMG] [​IMG] [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    สรุป


    หลังจากใช้งานมาสัปดาห์กว่าๆ Samsung Galaxy S6 edge+ ก็นับได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสมาร์ทโฟนที่น่าสนใจพอสมควรในช่วงปลายปี ตอบโจทย์การใช้งานทั้งกล้อง และการใช้งานทั่วๆ ไป รวมถึงสเปคทางเทคนิคที่ให้มาแบบเหมาะสม เรียกได้ว่าลงตัวแทบทุกส่วน

    แต่จะไม่สมส่วนเพียงอย่างเดียว คือราคาจำหน่ายที่แพงกว่า Galaxy Note 5 ที่มีสเปคทางเทคนิคเท่ากัน แถมมีลูกเล่นดีกว่าในบางจุด และความคุ้มค่าต่อราคาที่ซัมซุงไม่เลือกรุ่น 64 GB เข้ามาทำตลาด แต่ถ้ามองในมุมมองของตลาดสมาร์ทโฟนแล้ว ราคา 26,900 บาท เรียกได้ว่าเป็นราคาที่ค่อนข้างเหมาะสม และไม่แพงจนเกินไปด้วยนั่นเองครับ

    ใครที่สนใจ สามารถหาซื้อ Samsung Galaxy S6 edge+ ได้แล้ววันนี้ที่ตัวแทนจำหน่ายของซัมซุงทั่วประเทศ และสามารถรับสิทธิ์พิเศษจากเครือข่ายที่ร่วมรายการเพิ่มเติมได้อีกด้วยครับ

    Advertorial, Galaxy S6, Mobile, Review, Samsung
     
  2. meiy

    meiy Active Member

    เกือบจะซื้อแหละ
     

Share This Page