รีวิว Fitbit Charge HR : Activity tracker ที่มาพร้อมกับเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Apr 6, 2015.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เมื่อปลายปีที่แล้ว Fitbit ได้เปิดตัวอุปกรณ์ของตนเอง ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้จะดูธรรมดาๆเหมือนเช่นเคย ถ้า Fitbit ไม่ได้ใส่เซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจที่สามารถทำงานได้ตลอดเวลา พร้อมทั้งบอกว่าแบตตอรี่สามารถอยู่ได้ 5 วันต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และที่สำคัญคือ ยังคงขายราคาเท่าเดิมเหมือนกับรุ่นพี่อย่าง Fitbit Force ที่ซึ่งวางขายได้ไม่นานก็ต้องเรียกสินค้าคืนทั้งหมด เพราะผู้ใช้งานมีการแพ้เมื่อสวมใส่

    คำเตือน : ระวังเปลือง 3G เพราะรูปเยอะมาก

    Fitbit Charge HR นั้นมีทั้งหมด 3 ขนาดคือ S (5.4" - 6.2"), L (6.2" - 7.6"), และ XL (7.6" - 8.7") ซึ่งวัสดุที่เป็นสายรัดนั้นทำมาจากยาง, ตัวล็อคสายทำมาจากสแตนเลส ซึ่ง Fitbit เคลมว่าวัสดุนั้นเกรดเดียวกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ และสเปคต่างๆมีดังนี้ครับ

    • หน้าจอ OLED
    • แบตเตอรี่อยู่ได้ 5 วัน
    • เซนเซอร์วัดอัตรการเต้นของหัวใจ, เซนเซอร์วัดความเร่ง 3 แกน, เซนเซอร์วัดความสูง
    • เก็บข้อมูลได้ 7 วัน และเก็บข้อมูลสรุปย้อนหลังได้ 1 เดือน
    • บลูทูธ 4.0 สามารถใช้ได้กับระบบปฏิบัตการ Android, iOS, และ Windows phone

    แกะกล่อง

    Fitbit Charge HR มาในกล่องพลาสติกใส ที่สามารถโชว์สัดส่วนของตัวมันเองได้โดยรอบ ในกล่องประกอบไปด้วย


    1. สายรัดข้อมือ


    2. สายชาร์จ


    3. ตัวซิงค์กับคอมพิวเตอร์


    4. คู่มือ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    โดยตัวเรือนและสายนั้นไม่สามารถถอดแยกออกมาจากกันได้ อีกทั้งตัวล็อคนั้นเป็นเหมือนนาฬิกาทั่วไปตามท้องตลาด จึงหมดกังวัลได้เลยว่าจะไม่หลุดหายแบบไม่รู้ตัวแน่นอน

    [​IMG]

    [​IMG]

    ด้านหลังประกอบไปด้วย พอร์ตสำหรับชาร์จ และบริเวณที่มีไฟสีเขียว คือเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

    [​IMG]

    ปุ่มที่ใช้ควบคุมทุกอย่างอยู่ทางด้านซ้ายของอุปกรณ์

    [​IMG]

    ฟังก์ชั่นการใช้งาน

    Fitbit charge HR มีทั้งหมด 8 อย่างดังนี้ครับ

    • นาฬิกา

    [​IMG]

    • วัดจำนวนก้าว

    [​IMG]

    • อัตราการเต้นหัวใจ

    [​IMG]

    • ระยะทางที่เดินไป

    [​IMG]

    • จำนวนแคลลอรี่ที่ใช้ไป

    [​IMG]

    • จำนวนชั้นที่เดินขึ้น - เดินลงบันได

    [​IMG]

    • นาฬิกาปลุก

    [​IMG]

    • เข้าสู่โหมดออกกำลังกาย ซึ่งทำได้โดยกดปุ่มค้างไว้จนสายรัดสั่น

    [​IMG]

    ด้านหลังประกอบไปด้วย พอร์ตสำหรับชาร์จ และบริเวณที่มีไฟสีเขียว คือเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ

    [​IMG]

    • ปุ่มที่ใช้ควบคุมทุกอย่างอยู่ทางด้านซ้ายของอุปกรณ์

    [​IMG]

    การสวมใส่

    โดยปกติแล้วตัวผมเองใส่ไว้ที่ข้อมือซ้าย เวลาใส่นั้นไม่ได้ทำให้รู้สึกเกะกะแต่อย่างใด อีกทั้งตัวสายรัดข้อมือนั้นไม่ได้มีน้ำหนักมาก จนหลายๆครั้งลืมไปว่าใส่สายรัดข้อมือ(ลืมถอดตอนอาบน้ำ) แต่เวลาเอามาใส่ที่ข้อมือขวาจะรู้สึกประหลาดๆเวลาใช้งาน เพราะปุ่มที่ใช้กดนั้นอยู่ทางซ้ายของสายรัด (ใส่ข้อมือซ้ายใช้นิ้วโป้งมือขวากดปุ่ม, ใส่ข้อมือขวาใช้นิ้วชี้ซ้ายกดปุ่ม)

    แต่นี้อาจจะเรียกว่าเป็นข้อดี เพราะเข้าใจว่าออกแบบมาให้สามารถใส่ได้ทั้งข้อมือซ้ายหรือ ข้อมือขวา ก็ยังคงสามารถใช้งานต่อได้ ไม่เหมือนนาฬิกาทั่วไปที่ถ้าเอาไปใส่มือขวาเวลาจะหมุนเม็ดมะยมนี้ผิดท่าผิดทางชอบกล

    • ข้อมือซ้าย

    [​IMG]

    • ข้อมือขวา

    [​IMG]

    การใช้งานบน Smart phone

    ตอนนี้แอพของ Fitbit เองก็ได้รองรับระบบปฏิบัติการบนมือถือเจ้าใหญ่ๆหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Android, iOS, หรือแม้กระทั่ง Windows phone แต่ ณ ที่นี้ผมขอรีวิวบน iOS ครับ

    หน้าหลักของแอพ Fitbit

    [​IMG]

    ภายในหน้าแรกนี้สามารถกดเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม

    • อัตราการเต้นของหัวใจ, การนอนหลับ

    [​IMG] [​IMG]

    • แคลลอรี่ที่ใช้ไป, จำนวนก้าวที่เดิน

    [​IMG] [​IMG]

    • ระยะทางที่เดิน, และจำนวนชั้นที่เดินขี้น - เดินลงบันได

    [​IMG] [​IMG]

    การตั้งค่า Fitbit Charge HR

    • ตั้งนาฬิากาปลุก, ตั้ง Caller ID จากโทรศัพท์(ไม่รองรับชื่อภาษาไทย)

    [​IMG] [​IMG]

    • ตั้งการแสดงค่าบนสายรัดข้อมือ, เลือกรูปแบบนาฬิกา

    [​IMG] [​IMG]

    • ตั้งค่าเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจ, ตั้งเป้าหมายหลัก

    [​IMG] [​IMG]

    • ตั้งค่าว่าใส่สายรัดบนข้อมือข้างที่ถนัดหรือไม่, และตั้งค่าเมื่อแตะ 2 ครั้งให้แสดงผลอะไร

    [​IMG] [​IMG]

    ประการ์ณการใช้งาน

    ท้าวความก่อนว่าตอนแรกนั้นผมหา Smart watch, หรือ Activity traceker มาแทนนาฬิกาที่เพิ่งพังไป โดยโจทย์คือ
    1. ใส่ได้ทุกวัน
    2. ใช้แทนนาฬิากาได้
    3. แบตเตอรี่เกิน 3 วัน
    4. ใส่ออกกำลังกายได้
    5. และไม่ดูล้ำเกินไป

    ซึ่งหลังจากหาอยู่ซักพักก็ได้ตัวเลือกต่างๆดังนี้ Apple watch, Mitfit shine, Fitbit Charge แต่ก็ได้ตัด Apple watch ออก ด้วยความที่ว่าแบตตอรี่ไม่อึด, ตัด Mitfit shine ออกเพราะมันเหมือนเหรียญลวงโลก ก็กลายเป็นว่าเหลือ Fitbit อยู่เจ้าเดียว (จริงๆอยากได้มาตั้งแต่ Fitbit force แล้วแต่เงินติดลบ)

    จากการใช้งานมาประมาณเกือบ 1 เดือน พบว่าแบตเตอรี่อยู่ได้จริงๆประมาณ 4 วัน ถ้า 5 วันตามแบบที่ Fitbit เคลมมานั้นคือแบตเตอรี่หมดแบบเปิดไม่ติดเลย แต่ก็ยังถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ตั้งไว้ อีกทั้งตัวสายรัดเองก็ไม่ได้ดูล้ำโลกจนขนาดที่ต้องตกเป้าสายตาให้คนถามอยู่บ่อยๆ

    ตัวฟีเจอร์ที่มีในตัว Fitbit Charge HR นั้นเรียกได้ว่ามีพอๆกับ Activity tracker ตัวอื่นๆในตลาด แต่การที่มีเซนเซอร์วัดอัตราการเต้นของหัวใจมาให้นั้น ทำให้เรียกได้ว่าเป็น Activity tracker ที่สมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น เพราะใส่แค่ชิ้นเดียวก็เดิน/ทำกิจกรรมได้เลย, คุมโซนอัตราการเต้นของหัวใจได้ง่ายขึ้น(เหมาะกับคนออกกำลังกาย)

    สรุป

    Fitbit Charge HR เหมาะกับใคร?
    - เหมาะกับคนที่กำลังมองหา Activity tracker ตัวเดียวที่สามารถใช้ได้ทุกงาน
    - เหมาะกับบางคนที่ไม่อยากใช้สายรัดหน้าอกกับ smart phone เครื่องย่อมๆติดกับต้นแขนเวลาออกกำลังกาย

    ข้อดี

    1. สายรัดข้อมือไม่ดูล้ำโลกเกินไป สามารถใช้ได้ทุกงาน
    2. แบตเตอรี่สามารถอยู่ได้ 4 - 5 วัน
    3. สายรัดข้อมือน้ำหนักไม่เยอะ ทำให้ไม่รู้สึกรำคาณเวลาใส่ตลอดวัน

    ข้อเสีย

    1. ราคาค่อนข้างแพงเมื่อเทียบวัสดุ และราคาของคู่แข่งในท้องตลาด (ราคาครึ่งหมื่นนิดๆ)
    2. ใส่อาบน้ำไม่ได้
    3. ไม่มีฟีเจอร์ Power nap, และ Smart alarm เหมือนคู่แข่ง (เสียดายมาก)
    4. ยางของสายรัดข้อมืออมฝุ่น
    5. หน้าจอที่เป็นพลาสติกเป็นรอยง่ายมาก
    Fitbit, Health, Review, Wearable Computing
     

Share This Page