5 เทคนิครักษาความปลอดภัยของเงินในบัญชี เมื่ออยู่ในโลกออนไลน์

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Jan 8, 2019.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    บริการธนาคารออนไลน์กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตคนจำนวนมาก จากความสะดวกรวดเร็วในการทำธุรกรรม แต่บริการเหล่านี้ก็มาพร้อมกับความรับผิดชอบที่มากขึ้น เช่น การรักษาความลับของรหัสผ่าน ความรับผิดชอบเช่นนี้เหมือนกับบริการออนไลน์ต่างๆ เช่น อีเมล, LINE, หรือเฟซบุ๊ก

    บริการกระเป๋าเงินออนไลน์อย่าง TrueMoney Wallet แม้จะเป็นบริการที่มีความปลอดภัยได้มาตรฐานสากล แต่บางครั้งเราเองก็อาจจะเผลอละเลยความปลอดภัยทำให้ตัวเองมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น วันนี้เราจะมาแนะนำ 5 เทคนิคในการรักษาความปลอดภัยกัน

    [​IMG]

    1. รักษาข้อมูลส่วนตัว ถึงแม้ว่าเลขที่บัญชี, เลขบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์, วันเดือนปีเกิด จะเป็นข้อมูลส่วนตัวที่ใคร ๆ ต่างก็รู้ได้ไม่ยาก แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้เป็นสาธารณะจนเกินไป โดยเฉพาะกับคนแปลกหน้าที่แหล่งที่ไม่น่าไว้วางใจ เพราะข้อมูลเหล่านี้ถึงแม้ว่าเบื้องต้นจะเอาไปใช้งานอะไรไม่ได้ แต่ก็เอาเป็นใช้เป็นองค์ประกอบ ในการโจรกรรมทางออนไลน์ได้
    2. รหัสผ่าน ยิ่งยากยิ่งดี
      สิ่งที่สำคัญที่สุดของรหัสผ่านคือต้องคาดเดาได้ยาก ไม่ใช้รหัสผ่านร่วมกัน เช่น เฟซบุ๊ก, อีเมล, LINE, และธนาคารออนไลน์ ล้วนควรใช้รหัสผ่านแยกกันทั้งหมด การตั้งรหัสผ่านไม่ควรใช้ข้อมูลที่หาได้ง่าย เช่น วันเดือนปีเกิด, ชื่อเล่น, หมายเลขโทรศัพท์, ให้ดีควรผสมระหว่างตัวเลขและตัวอักษร หากใส่สัญลักษณ์มาบ้างก็เพิ่มความยากขึ้นได้ หากเผลอใส่รหัสผ่านให้คนอื่นเห็นควรเปลี่ยนรหัสผ่านใหม่เสมอ หรือหากไม่ได้ใส่รหัสผ่านบนโทรศัพท์โดยไม่ได้ระมัดระวังนักก็ควรพิจารณาเปลี่ยนรหัสเป็นระยะ
    3. ทำมือถือให้ปลอดภัยไว้ก่อน ไม่ว่าจะเป็น Android หรือ iOS ต่างก็มีความปลอดภัยในระดับที่ไว้วางใจได้ทั้งคู่ แต่สำคัญตรงที่ว่าผู้ใช้งานควรดาวน์โหลดแอปพลิเคชันโดยตรงจาก Play Store หรือ App Store เท่านั้น ไม่ควรใช้แอปพลิเคชันเถื่อนหรือติดตั้งจากแหล่งอื่น นอกจากนี้ควรมีการตั้งรหัสผ่านมือถือทุกครั้ง (จะเป็นรหัส, สแกนนิ้วมือ, สแกนใบหน้าก็ได้เช่นกัน)
    4. ระวังเว็บไซต์ปลอม อีเมลปลอม บางครั้งเราอาจได้ข้อความหรืออีเมลปลอม ซึ่งถึงแม้ว่ารูปร่างหน้าตาอาจดูน่าเชื่อถือ แต่ก็ใช่ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะเป็นของจริงเสมอไป ยกตัวอย่างเช่นอีเมลจากธนาคารที่มาจากผู้ส่งอื่นที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (สังเกตที่ชื่อผู้ส่ง) โดยการปลอมแปลงหน้าตามาเหมือนกันเปี๊ยบ จากนั้นเมื่อเราเผลอคลิกไปก็จะมีหน้าเว็บไซต์ปลอมเพื่อหลอกเอารหัสผ่าน
    5. อ่านทุกครั้งก่อนเลือกตอบตกลง หลายคนอาจเคยชินกับการติดตั้งโปรแกรมในคอมพิวเตอร์ ที่มักจะต้องตอบ Yes, OK, Next อยู่บ่อยครั้ง จนทำให้เผลอติดเป็นนิสัยและไม่ทันได้สังเกต สำหรับในสมาร์ทโฟนก็เช่นกันซึ่งบางครั้ง

    [​IMG]

    (แถม) วิธีปกป้องบัญชีธนาคารให้ปลอดภัย


    การเชื่อมบัญชีธนาคารเพื่อทำรายการหักหรือชำระเงินอัตโนมัติ ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไร โดยปกติแล้วแต่ละธนาคารก็จะมีมาตรฐานความปลอดภัย รวมถึงความสะดวกแตกต่างกันออกไป (ลองนึกถึงการสแกนลายนิ้วมือและสแกนใบหน้าในสมาร์ทโฟน แม้ว่าสองวิธีจะมีขั้นตอนแตกต่างกัน แต่ก็เป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่ยอมรับได้)

    แอป TrueMoney Wallet ก็เป็นเพียงแค่ "หน้ากาก" หรือทางผ่าน ไปยังระบบความปลอดภัยของแต่ละธนาคารเอง ถ้าหากคุณต้องการตั้งค่าเพื่อหักบัญชีอัตโนมัติกับบริการอื่น เช่น การหักจ่ายค่าบริการอัตโนมัติ ต่างก็ใช้วิธีเดียวกันนี้ไม่ต่างกัน เพียงแต่ความสะดวกในการยืนยันแต่ละธนาคารแตกต่างกันไป และทุกวิธีก็ถือว่าได้มาตรฐาน

    และหากดูจากขั้นตอนต่าง ๆ ของธนาคารทุกแห่ง จะเห็นได้ว่าการเชื่อมเข้ากับบัญชีต่างก็ได้มาตรฐานความปลอดภัยแทบทั้งสิ้น และเงินจะไม่มีทางหายไปจากบัญชีเราอย่างแน่นอน ตราบที่เรายังใส่ใจและเก็บรักษาข้อมูลส่วนตัวเป็นความลับ (เช่น รหัสบัตร ATM) รวมถึงตรวจสอบแอปพลิเคชันก่อนยืนยัน เมื่อมีการแจ้งเตือนหรือร้องขอสิทธิ์เพิ่มเติม

    ตัวอย่างการเชื่อมบัญชีแต่ละธนาคาร


    [​IMG]

    ไทยพาณิชย์ (SCB)


    วิธีการเชื่อมบัญชีไทยพาณิชย์ เพื่อความสะดวกในการเติมบัญชีทรูมันนี่ จำเป็นต้องใช้ เลขบัตร ATM, รหัสบัตร ATM, เลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด จากนั้นระบบจะส่ง OTP ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่ได้ทำการลงทะเบียนกับธนาคารเอาไว้

    [​IMG]

    [​IMG]

    ธนาคารกรุงไทย (KTB)


    สำหรับธนาคารกรุงไทย สามารถเลือกวิธีการเชื่อมบัญชีได้ถึงสองแบบด้วยกัน โดยแบบแรกจะเป็นวิธีเหมือนกับธนาคารไทยพาณิชย์ และอีกแบบหนึ่งก็จะเป็นการเชื่อมผ่านธุรกรรมออนไลน์ (Krungthai NEXT) โดยจำเป็นต้องใช้ทั้ง User + Password, วันเดือนปีเกิด, เลขบัตรประชาชน จากนั้นก็จะได้รับ OTP ไปยังหมายเลขโทรศัพท์มือถือ ที่ได้ทำการลงทะเบียนกับธนาคารเอาไว้

    [​IMG]

    [​IMG]

    ธนาคารกสิกร (K-Bank)


    วิธีการของธนาคารกสิกรจะแตกต่างออกไปสักเล็กน้อย ตรงที่จำเป็นต้องใช้แอปพลิเคชันของธนาคารเองด้วย โดยข้อมูลที่จำเป็นต้องกรอกคือ หมายเลขโทรศัพท์มือถือที่ใช้บริการ K Plus, เลขบัตรประชาชน, อีเมล, หมายเลขบัญชีธนาคาร ซึ่งถึงแม้ว่าจะไม่ได้ใช้ OTP แต่จะเป็นการกด "ยืนยัน" ผ่านทางแอปพลิเคชันธนาคารแทน ซึ่งวิธีนี้ก็มีความปลอดภัยไม่แตกต่างกัน

    [​IMG]

    ธนาคารกรุงเทพ (BBL)


    ในส่วนของธนาคารกรุงเทพ ก็จะมีวิธีที่ไม่แตกต่างกันมาก โดยจำเป็นต้องใช้ เลขบัตร ATM, รหัสบัตร ATM, เลขบัตรประชาชน, เบอร์โทรศัพท์มือถือ หลงจากนั้นก็จะมีให้กด "ยอมรับ" และใส่หมายเลข OTP จากระบบ

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ธนาคารกรุงศรี (BAY)


    สุดท้ายวิธีการของธนาคารกรุงศรี จะไม่สามารถทำผ่านแอปพลิเคชันหรือบนมือถือได้ ผู้ใช้งานจำเป็นต้องนำบัตร ATM ไปที่ตู้แล้วยืนยันด้วยตัวเอง (ต้องมีรหัสด้วยเช่นกัน) จากนั้นจึงทำตามรายการขั้นตอนข้างบน แล้วเลือกบัญชีที่ต้องการจะผูก รวมถึงระบุหมายเลขโทรศัพท์มือถือที่เป็นบัญชี TrueMoney Wallet ที่ต้องการ

    Topics: True MoneySecurityAdvertorial
     

Share This Page