ปฏิเสธไม่ได้ว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคมทั่วโลกกำลังเริ่มต้นเข้าสู่ช่วงเปลี่ยนผ่านอีกครั้ง จากเทคโนโลยีในยุคที่ 4 ไปยังยุคที่ 5 ทำให้ในช่วงหลังเราเห็นข่าวหรือประเด็นเกี่ยวกับ 5G อยู่เนืองๆ ไม่ว่าจะจากฝั่งโอเปอเรเตอร์หรือฝั่งผู้ผลิตก็ตาม ในบ้านเราก็เช่นเดียวกันที่เริ่มมีการพูดถึง 5G กันบ้างแล้ว โดยล่าสุดมี AIS ประกาศความพร้อมของโครงข่ายแล้ว รวมถึงเตรียมเริ่มทดสอบ 5G เป็นเจ้าแรกในไทย วันที่ 22 พ.ย. – 15 ธันวาคม 2561 ที่ AIS D.C. เอ็มโพเรียม โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย การเตรียมพร้อมของ AIS เริ่มจากการขยายคลื่นความถี่ ที่เดิมเคยให้บริการ 3G มายัง 4G มากขึ้น โดยตอนนี้พื้นที่ในเมืองที่มีความพร้อมจะเริ่มให้บริการ 4G ที่คลื่น 2100MHz เพิ่มเติม ทำให้ผู้ใช้ที่เคยจับคลื่น AIS-T ได้หลังจากนี้หลายพื้นที่ก็จะเป็นบริการ 4G แล้ว องค์ประกอบเต็มระบบของ 5G นั้นประกอบไปด้วยสามส่วนสำคัญ คือ eMMB (Enhanced Mobile Broadband) ที่ เน้นไปที่การเพิ่มความเร็ว การเชื่อมต่อสำหรับการใช้งานทั่วไป เป็นการปรับปรุงประสบการณ์การใช้งานแบบเดิม URLLC (Ultra-Reliable and Low Lantency Communication) การเชื่อมต่อความหน่วงต่ำสำหรับอุปกรณ์ในอุตสาหกรรม, ความปลอดภัยทางการแพทย์ไปจนถึงรถยนต์ไร้คนขับ mMTC (Massive Machine Type Communication) การเชื่อมต่ออุปกรณ์จำนวนมาก AIS เตรียมการการปรับปรุงความเร็วตาม eMBB ด้วยเตรียมจะทดสอบ คลื่น mmWave ในย่านความถี่ 26.5-27.5GHz พร้อมตัวอย่างการใช้งานในอุตสาหกรรม ในงาน “5G the First LIVE in Thailand by AIS” เพื่อให้ความพร้อมรองรับเทคโนโลยีใหม่ๆ ในอนาคต สำหรับ mMTC ทาง AIS มีบริการที่เปิดไปแล้ว อย่าง NB-IoT สำหรับอุปกรณ์ขนาดเล็กความเร็วต่ำรองรับอุปกรณ์ได้มหาศาล และบริการ eMTC ที่รองรับความเร็วสูงขึ้นมา ทั้งสองบริการไม่ใช่เพียงการทดสอบ แต่มีความพร้อมสำหรับให้บริการจริงแล้วในตอนนี้ สุดท้ายคือ URLLC (Ultra-Reliable and Low Lantency Communication) ทาง AIS ได้ปรับโครงสร้างเครือข่ายหลักที่กระจายอยู่ในแต่ละภูมิภาค ให้สามารถสื่อสารไปยังเซิร์ฟเวอร์บริการต่างๆ ได้ทันที ไม่ต้องย้อนกลับมาถึงเครือข่ายในส่วนกลาง ช่วยลดความหน่วงในการรับส่งสัญญาณลง URLLC จะช่วยให้มีการสร้างแอปพลิเคชันในรูปแบบใหม่ๆ ที่สามารถสั่งงานผ่านเครือข่ายได้จากศูนย์กลาง อาทิ การผ่าตัดทางไกล, การเชื่อมต่อ V2i หรือ Vehicle-to-Infrastructure ของรถยนต์รถไร้คนขับเพื่อสื่อสารกับอุปกรณ์อื่นๆ บนท้องถนน อย่างไฟจราจรหรืออาจเป็นรถยนต์คันอื่น และระบบ automation ในโรงงาน บริการเหล่านี้เมื่อสมบูรณ์ จะไม่เพียงเป็นแค่ปรับปรุงประสบการณ์การใช้โทรศัพท์มือถือ แต่เป็นการสร้างโอกาสใหม่ๆ ให้กับอุตสาหกรรมการสื่อสาร บริการแนวใหม่ที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้อีกจำนวนมาก เช่น รถยนต์ในอนาคตจะสามารถส่งข้อมูลกลับไปยังศูนย์เพื่อรายงานสถานะ, นาฬิกาวัดชีพจรจะสามารถเชื่อมต่อกับโรงพยาบาลได้ทันที สำหรับผู้ใช้ทั่วไปบริการเหล่านี้ไม่สร้างความลำบากเพิ่มเติมในการซื้อซิมหรือเติมเงินรักษาเลขหมายเหมือนเช่นเคย แต่เป็นบริการที่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อในตัว ทั้งนี้ ในงานทดสอบ 5G ของ AIS จะเริ่มต้นด้วยความร่วมมือกับ NOKIA นำเสนอการทดสอบ 5G ผ่าน 5 โซลูชั่นส์ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเรื่อง Speed และ Low Latency ของ 5G เปรียบเทียบกับ 4G ประกอบด้วย 5G Super Speed การแสดงความค่าเครือข่ายที่สำคัญของเครือข่าย 5G เช่น ความเร็วในการรับส่งสัญญาณ (Total Throughput, Latency), ความหน่วง (Latency), การเข้ารหัสของสัญญาน (Modulation and Coding Scheme), ข้อมูลแนวลำส่งของสัญญาณ (beam information) 5G Ultra Low Latency – Cooperative Cloud Robot การสาธิตความหน่วงของเครือข่าย 5G โดยการใช้หุ่นยนต์สามตัวในการหาจุดสมดุล ที่ทำให้ลูกบอลอยู่กึ่งกลางกระดาน การสาธิตแสดงเวลาที่หุ่นยนต์ใช้ในการหาจุดสมดุลผ่านการสื่อสารระหว่างกันโดยใช้เครือข่าย 4G เปรียบเทียบกับเครือข่าย 5G 5G for Industry 4.0 หุ่นยนต์จะมีบทบาทอย่างยิ่งสำหรับอุตสาหกรรม 4.0 การทำงานร่วมกันของเครื่องจักรจากหลายสายการผลิตต้องการการเชื่อมต่อไร้สายที่มีความหน่วงต่ำและความน่าเชื่อถือสูง ซึ่งจะทำให้สายการผลิตทำงานได้เร็วขึ้น ยืดหยุ่น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการสาธิตหุ่นยนต์ YuMi® Dual-Arm Collaborative Robot จาก ABB ในการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต โดยเชื่อมต่อผ่านเครือข่าย 5G 5G Virtual Reality – immersive video การสาธิต การดูวีดีโอที่แสดงสภาวะเสมือนจริง (immersive video) ผ่านเครือข่าย 5G ผู้ที่ใส่แว่นตา VR จะสามารถมองเห็นได้รอบด้าน 360 องศา การดูวีดีโอ VR ที่มีความคมชัด ต้องการ bandwidth ที่สูงมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเป็นการถ่ายทอดสด หรือ live streaming 5G FIFA Virtual Reality ทดลองความเร็วของเครือข่าย 5G ด้วยตัวคุณเอง โดยการเตะลูกบอล Virtual Reality ที่จุดโทษผ่านเครือข่าย 5G สรุป 5G ไม่เพียงแต่เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในแง่ความเร็วของโครงข่ายโทรศัพท์มือถือจาก 4G เท่านั้น แต่ยังก่อให้เกิดการใช้งานในรูปแบบใหม่ๆ โดยเฉพาะกลุ่ม IoT และการเชื่อมต่อไร้สายประสิทธิภาพสูง เช่น การให้บริการทางการแพทย์ระยะไกล และ AIS ไม่ได้หยุดนิ่งรอมาตรฐานแต่อย่างใด แต่ปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อความพร้อมสูงสุด Topics: AIS5GTelecommunicationAdvertorial