พูดคุยกับ JIBEX จากธุรกิจขายฮาร์ดแวร์ สู่เทรดเดอร์เงินคริปโต

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, May 1, 2018.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    1-2 ปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้ว่าเงินดิจิทัลหรือเงินคริปโตถูกพูดถึงและได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง เงินคริปโตกลายเป็นแหล่งลงทุนที่ทำกำไร (หรือขาดทุน) สำหรับใครหลายๆ คน จนเกิดผู้ให้บริการแลกเปลี่ยนเงินคริปโต (เทรดเดอร์) ขึ้นหลายเจ้า

    J.I.B. หนึ่งในตัวแทนจำหน่ายฮาร์ดแวร์คอมพิวเตอร์ชั้นนำของไทย เลยตัดสินใจขยายธุรกิจมาให้บริการเทรดเดอร์ด้วยในชื่อ JIBEX ซึ่งให้บริการในรูปแบบของทั้งหน้าเว็บ, แอป iOS และ Andriod

    น่าสนใจว่าทำไม J.I.B. อยู่ๆ ถึงลงมาเล่นธุรกิจนี้กับเขา ที่มาที่ไปเป็นยังไง มีแผนการอะไรต่อไปจากนี้ และประเด็นด้านความปลอดภัยของระบบเทรดจะเป็นอย่างไร ดร.ธรรม์ธีร์ สุกโชติรัตน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท JIBEX ผู้เชี่ยวชาญด้านการบริหารงานด้านฟินเทคได้นั่งจับเข่าคุยกับ Blognone ในเรื่องนี้

    [​IMG]

    ที่มาที่ไปที่ตัดสินใจมาทำธุรกิจเทรดเดอร์


    ดร.ธรรม์ธีร์ บอกว่าเพราะเงินคริปโตเป็นการลงทุนใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นไม่นาน แต่ได้รับการยอมรับเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว จากทั้งประสิทธิภาพในการลงทุน ความรวดเร็ว ความปลอดภัย และความโปร่งใสจากระบบบล็อคเชน ที่สำคัญคือค่าใช้จ่ายในการลงทุนน้อย ไม่มีขั้นต่ำ ไม่มีตัวกลาง สามารถเล่นได้จากทั่วทุกมุมโลก

    ทาง JIBEX มองว่าจะอาศัยจุดแข็งของ J.I.B. มาช่วยในการดำเนินธุรกิจ ด้วยความที่ J.I.B. เป็นบริษัทไอทีมานานกว่า 17 ปี รู้ว่าลูกค้ายุคในไอทีต้องการอะไร

    [​IMG]

    ขณะเดียวกันการมีสาขาทั่วประเทศกว่า 150 สาขา จะช่วยตอบโจทย์เรื่องการบริการของ JIBEX ด้วย เพราะลูกค้าสามารถไปที่สาขาเพื่อปรึกษาพนักงานได้ เช่นการโหลดแอป การใช้งานหรือแจ้งปัญหาต่างๆ ไปจนถึงในอนาคตหากมีกฎระเบียบต่างๆ ออกมา เช่นการทำ KYC การมีสาขารองรับเป็นจำนวนมาก ก็จะยิ่งช่วยในเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

    จุดแข็งอีกด้านคือ JIBEX ก่อตั้งขึ้นด้วยกลุ่มคนที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้บุกเบิกฟินเทคหรือเทคโนโลยีด้านการเงินของไทยในยุคนี้ ทำให้มั่นใจว่าเข้าใจนักลงทุน ซึ่งจะช่วยเรื่องการคัดกรอง การให้ข้อมูลข่าวสารช่วยประกอบการตัดสินใจ เพิ่มโอกาสในการทำกำไรให้กับนักลงทุนมากยิ่งขึ้น

    พาร์ทเนอร์เพื่อให้บริการ


    JIBEX ไม่ได้ให้บริการด้วยตัวคนเดียว แต่ยังมีพาร์ทเนอร์ที่หลากหลาย เพื่อสร้างความแข่งแกร่งในบริการและความเชื่อมั่นให้นักลงทุน โดยหนึ่งในพาร์ทเนอร์ด้านการเงินการลงทุนคือบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน Wealth Inc. และ IFCG สำหรับออกแบบเครื่องมือให้นักเทรดที่เข้ามาใช้บริการ บนพื้นฐานความรู้ด้านการเงิน

    ดร.ธรรม์ธีร์เผยด้วยว่า ด้วยความที่ตลาดเงินคริปโตไม่มีเวลาปิดเหมือนตลาดหุ้น เปิดให้แลกเปลี่ยนตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้ความต้องการใช้ Robot Trade มาช่วยหรือเฝ้าระวังความผันผวนในระหว่างที่เราหยุดพัก (เช่น นอน) เพิ่มขึ้น ซึ่ง JIBEX เองก็มีแผนจะนำ Robot Trade มาให้บริการด้วย

    [​IMG]

    Robot Trade ของ JIBEX ถูกออกแบบโดยอดีตผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์ ซึ่ง Robot Trade นิยมใช้ในการบริหารกองทุนอยู่แล้ว โดยจะคอยบอกสัญญาณให้นักลงทุนว่าเมื่อไหร่ควรซื้อหรือควรขาย ซึ่งสัญญาณจะมีสองแบบคือ บอกสัญญาณแล้วเทรดให้อัตโนมัติเลย หรือบอกสัญญาณแต่เพียงอย่างเดียวและให้ผู้ลงทุนเป็นคนตัดสินใจด้วยตนเองอีกที

    นอกจากเรื่องการลงทุนและการเทรดแล้ว JIBEX ยังเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัท Interventure ในสิงคโปร์ ที่ช่วยขยายการบริการในระดับภูมิภาค เช่น ช่วยนักลงทุนที่เดินทางไปต่างประเทศ สามารถนำเงินคริปโตไปใช้หรือแลกเปลี่ยนในต่างประเทศได้ทั่วโลก

    จุดยืนและมุมมองต่อกฎหมายและกฎระเบียบ


    ดร.ธรรม์ธีร์ ยืนยันว่าพร้อมทำตามกฎหมายและกฎระเบียบทุกอย่างที่หน่วยงานกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องจะออกมาในอนาคต โดยตัวดร.ธรรม์ธีร์ มองว่าเป็นเรื่องปกติที่นวัตกรรมจะต้องเกิดก่อนที่กฎหมายจะออก และรอให้เกิด Best Practice เป็นตัวอย่างก่อน ซึ่งทาง JIBEX เองก็มีความตั้งใจที่จะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เกิด Best Practice ในฐานะเทรดเดอร์ของคนไทย ดังนั้นประเด็นนี้ไม่มีอะไรกังวลทั้งสิ้น

    ส่วนเรื่องการหักภาษีเงินได้ที่นักลงทุนได้จากการซื้อขายนั้น JIBEX ก็ให้คำมั่นว่าจะดูแลเรื่องภาษีให้ลูกค้าอย่างดี โดยตอนนี้ยังคงรอกฎเกณฑ์ที่เป็นทางการอยู่ หากบังคับใช้เมื่อไหร่ยินดีปฏิบัติตามทันที

    เมื่อเป็นเรื่องเงินๆ ทองๆ ความปลอดภัยจึงสำคัญ


    ดร.ธรรม์ธีร์ บอกว่า JIBEX ปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยเดียวกับธนาคาร ซึ่งทำมาตั้งแต่เริ่มพัฒนาโปรแกรม อย่างการทำ multi-signature ตั้งแต่ต้น พาร์ทเนอร์กับ ACIS Professional Center เป็นที่ปรึกษาด้าน IT Security มี Cyber Resilient ตลอด 24/7 รวมถึงตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการขอมาตรฐาน ISO/IEC 27001 อยู่ด้วย

    [​IMG]

    นอกจากนี้ JIBEX มีแผนเบื้องต้นว่าจะเก็บเงินเอาไว้ใน Cold Storage คิดเป็นสัดส่วนราว 80% แต่ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้เมื่อเปิดให้บริการจริง อยู่ที่การเทรดของลูกค้าและเมื่อให้บริการไป จะสามารถกะสัดส่วนที่แน่ชัดกว่านี้ได้

    ส่วนความปลอดภัยพื้นฐานและใกล้ตัวผู้ใช้ที่สุดก็มีให้อย่างกระบวนการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2-Factor Authentication) ซึ่งเบื้องต้นใช้ของ Google Authenticator และจะมีการใช้ช่องทางอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต

    อนาคต JIBEX กับคริปโตในไทย


    ตอนนี้ JIBEX รองรับสกุลเงินคริปโต 5 สกุลหลักก่อนได้แก่ Bitcoin, Ethereum, Ripple, Bitcoin Cash และ Litecoin อนาคตอาจมีการเพิ่มสกุลเงินให้มากกว่านี้ แต่ก็ต้องดูที่ความนิยมและพื้นฐานของสกุลเงิน ว่าเหมาะสมน่าลงทุนหรือไม่

    ดร.ธรรม์ธีร์เล่าให้ฟังด้วยว่า วาดฝันว่าไทยจะเป็นฮับ (hub) ด้านคริปโตในภูมิภาค หรือแม้แต่การให้ต่างชาติมาจัดตั้งบริษัทในไทยเพื่อออก ICO (การระดมทุนผ่านคริปโต) ซึ่งจะทำให้เม็ดเงินจากทั่วโลกเข้ามาที่ประเทศไทย เพราะวันนี้เรามีความพร้อมอยู่ 3 ประการที่บริษัทยุคใหม่มองหา คือด้านภูมิศาสตร์เหมาะแก่การขนส่งเดินทาง ภาคการผลิตและ real sector ที่แข็งแกร่ง และทรัพยากรบุคคลด้านเทคโนโลยีที่เพียงพอ

    [​IMG]
    แน่นอนว่าในประเด็น ICO นี้ ดร.ธรรม์ธีร์ บอกว่าก็ต้องรอกฎหมายและกฎระเบียบออกมากำกับควบคุม ซึ่งน่าจะส่งผลทางบวกให้กับการระดมทุนลักษณะนี้มากขึ้น

    สุดท้าย ดร.ธรรม์ธีร์บอกว่า JIBEX ยังไม่มีแผนจะออกเหรียญเอง ตอนนี้อยากจะโฟกัสไปที่การให้บริการเทรดและแลกเปลี่ยนให้ดีที่สุดก่อน

    สำหรับนักลงทุน หรือผู้ที่สนใจสามารถสมัครเป็นสมาชิกกับ JIBEX ได้ผ่านเว็บไซต์ www.jib-ex.com หรืออัพเดทความรู้ ข่าวสารเกี่ยวกับการลงทุนดิจิตอลที่ Learning Center พร้อมดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น JIBEX ได้แล้ว สำหรับ Android คลิกดาวน์โหลด http://bit.ly/2r3PjzX หรือ ช่องทางโซเชียลมีเดียของ JIBEX ที่ Facebook, Youtube และ Twitter

    Topics: CryptocurrencyInterviewAdvertorial
     

Share This Page