ข่าวดีที่น่ากลัว เมื่อฐานข้อมูล DNA ช่วยล่าตัวฆาตกรต่อเนื่องที่ลอยนวลกว่า 40 ปี ได้สำเร็จ

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Apr 29, 2018.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เช้ามืดของวันศุกร์ที่ 18 มิถุนายน 1976 ณ มุมหนึ่งใน Rancho Cordova เมืองทางตะวันออกของ Sacramento รัฐ California ประเทศสหรัฐอเมริกา ในยามที่ผู้คนส่วนใหญ่กำลังหลับไหลและเตรียมที่จะตื่นออกไปทำงานอีกวันเฉกเช่นวันปกติที่ผ่านมา แต่สำหรับหญิงสาวคนหนึ่งแล้ว นั่นคือช่วงเวลาฝันร้ายของชีวิต เธอถูกชายแปลกหน้าบุกเข้ามาทำร้ายถึงในบ้าน และนั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานอาชญากรที่สุดแสนน่าสะพรึง

    ในช่วงเวลาต่อมาอีก 11 เดือน ยังเกิดเหตุบุกรุกและทำร้ายในเขต Rancho Cordova นี้ รวมทั้งเมือง Carmichael และ Citrus Heights ซึ่งล้วนแล้วอยู่ในพื้นที่ทางตะวันออกของ Sacramento ทั้งสิ้นอีก 23 ครั้ง การจู่โจมไม่เพียงจำกัดรูปแบบแค่การบุกรุกเข้าไปทำร้ายยามวิกาลเท่านั้น หลายครั้งผู้ก่อเหตุทำการสะกดรอยตามเหยื่อที่เดินในพื้นที่เปลี่ยว จากการทำร้ายก็มีการข่มขืนด้วย ประชาชนในพื้นที่ต่างรู้สึกหวาดผวา โดยเฉพาะหญิงสาวที่พักอาศัยอยู่เพียงลำพังซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของเป้าหมายผู้ก่อเหตุเหล่านี้

    ในเดือนกันยายน 1977 เริ่มมีเหตุร้ายเกิดในนพื้นที่นอก Sacramento การกระทำผิดหนักข้อขึ้นเรื่อยๆ จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 1978 ก็มีการฆาตกรรมยิงคู่สามีภรรยาคู่หนึ่งเสียชีวิตในขณะที่พวกเขาจูงสุนัขออกมาเดินเล่นนอกบ้านในเขต Rancho Cordova

    ตำนานอาชญากรเขย่าเมืองยังคงดำเนินไปเรื่อย เหยื่อการทำร้าย, ลักทรัพย์, ข่มขืน, ฆาตกรรม เพิ่มจำนวนขึ้นโดยนับถึงปี 1981 เกิดเหตุรวมทั้งหมด 55 ครั้ง ก่อนจะเว้นว่างห่างหายไป 5 ปี จึงมีการก่อเหตุครั้งที่ 56 โดยในนั้นมีเหยื่อฆาตกรรมรวมทั้งสิ้น 12 ราย ยังไม่รวมเหตุบุกรุกและลักทรัพย์อีกมากกว่าร้อยครั้ง ซึ่งตลอดระยะเวลาดังกล่าวตำรวจไม่อาจควานหาตัวผู้ก่อเหตุได้เลย

    [​IMG]

    สื่อต่างๆ ตั้งฉายาฆาตกรโหดผู้ก่อเหตุเหล่านี้ว่า "Golden State Killer", Original Night Stalker, East Area Rapist, East Bay Rapist และ Diamond Knot Killer โดยเป็นชื่อที่ขนานามตามพื้นที่ก่อเหตุและอาชญากรรมที่ก่อ

    พฤติการณ์ของคนร้ายนั้นวิเคราะห์ได้ว่าหลายครั้งมีการวางแผนมาอย่างดี คนร้ายจะทำการเฝ้าสังเกตการณ์เหยื่อล่วงหน้านานหลายสัปดาห์ บางครั้งมีการโทรศัพท์ไปพูดคุยกับเป้าหมายเพื่อสืบข้อมูลรูปแบบการใช้ชีวิตประจำวัน เป้าหมายไม่จำกัดเพียงหญิงสาวที่พักอาศัยเพียงลำพัง แต่เริ่มลงมือกับคู่สามีภรรยาด้วย หลายครั้งที่อาชญากรบุกเข้าบ้านของเหยื่อเพื่อไปเตรียมการก่อเหตุโดยการปลดล็อกหน้าต่าง, ซ่อนเชือกที่จะเอาไว้ใช้มัดเหยื่อ, แก้ไขปืนของเหยื่อที่เก็บไว้ในบ้านให้ไม่สามารถใช้การได้ ในเวลาลงมือคนร้ายมักจะบุกเข้าทางหน้าต่างหรือประตูสไลด์ จู่โจมเหยื่อถึงห้องนอนโดยใช้ปืนพกข่มขู่ ใช้เชือกมัดเหยื่อและลงมือข่มขืนเหยื่อที่เป็นผู้หญิง

    คำบอกเล่าของผู้รอดจากเหตุการณ์หลายครั้ง ระบุไปในทางเดียวกันว่าคนร้ายเป็นชายผิวขาว สูงประมาณ 178 เซนติเมตร รูปร่างผอมแต่แข็งแรง ส่วนข้อมูลหลักฐานในที่เกิดเหตุระบุว่าคนร้ายมีกรุ๊ปเลือด A สวมรองเท้าขนาด 9-9.5 รวมทั้งข้อมูล DNA ของคนร้าย ซึ่ง DNA นี้เองที่ในเวลากว่า 20 ปีให้หลัง ถูกใช้เพื่อยืนยันว่าเหตุคดีทั้งหมดของ Golden State Killer, Original Night Stalker, East Area Rapist, East Bay Rapist และ Diamond Knot Killer แท้จริงแล้วเกิดขึ้นโดยฝีมือของคนเพียงคนเดียว

    ตัดภาพข้ามเวลามาปี 2016 คดีของ Golden State Killer ยังคงรอการสะสาง ทางการตั้งค่าหัวนำจับคนร้ายไว้ 50,000 ดอลลาร์ โดยคาดว่าในขณะนั้นเขาจะมีอายุในช่วง 60-75 ปี การสืบสวนด้วยเทคนิคและวิธีการใหม่ๆ ถูกนำมาใช้เพื่อล่าตัววายร้ายที่ลอยนวลมานานกว่า 40 ปี และหมัดเด็ดที่ทางตำรวจงัดมาใช้คือการติดตามหาคนร้ายด้วยข้อมูล DNA ที่เคยเก็บจากที่เกิดเหตุ

    ทีมสืบสวนได้นำข้อมูล DNA ของคนร้ายอัพโหลดเข้าสู่ระบบ GEDmatch ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มบนเว็บที่รวบรวมข้อมูล DNA ของผู้คนเพื่อช่วยในการสืบหาญาติหรือสืบต้นสกุล โดยข้อมูล DNA ทั้งหมดของ GEDmatch เป็นข้อมูลที่ผู้ใช้จะต้องทำการอัพโหลดและแชร์ไฟล์ข้อมูล DNA ด้วยตนเอง ทั้งนี้ไฟล์ข้อมูล DNA ของแต่ละบุคคลอาจจัดทำได้โดยใช้เครื่องมือตรวจสอบพันธุกรรมอย่างชุดทดสอบของ 23andMe หรือชุดทดสอบของ Ancestry ซึ่งผู้คนสามารถหาซื้อมาใช้งานเองได้โดยทั่วไป

    ผลการสืบหาและวิเคราะห์ข้อมูล DNA ของ Golden State Killer ทำให้ตำรวจคนพบคนที่เป็นญาติมีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมกับคนร้าย เมื่อนำมาวิเคราะห์ร่วมกับข้อมูลแวดล้อมอื่น ทั้งเพศและช่วงอายุของคนร้าย, พื้นที่ก่อเหตุ รวมทั้งข้อมูลรูปพรรณตามที่เคยระบุไว้ก่อนหน้า ทำให้ทีมสืบสวนพุ่งเป้าไปที่ชายวัย 72 ปีคนหนึ่ง พวกเขาดำเนินการขั้นถัดไปด้วยการนำขยะจากบ้านของชายคนดังกล่าวมาตรวจสอบข้อมูล DNA เทียบกับข้อมูล DNA จากพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ

    ผลการเปรียบเทียบ DNA ของชายผู้ต้องสงสัยวัย 72 ปีนั้นตรงกันกับพยานหลักฐาน

    ในที่สุดเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ทางสำนักงานนายอำเภอของ Sacrmento จึงเข้าจับกุมผู้ต้องสงสัยนั้น ชายคนดังกล่าวมีชื่อว่า Joseph James DeAngelo เป็นอดีตเจ้าหน้าที่ตำรวจในรัฐ California ทางเจ้าหน้าที่ตั้งข้อหาฆาตกรรม 6 คดี รวมทั้งข้อหาอื่นๆ ทั้งบุกรุก, ทำร้ายร่างกายอีกหลายกระทงกับเขา อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ไม่สามารถตั้งข้อหาข่มขืนและบุกรุกหลายคดีในช่วงปลายยุค 70 ซึ่งเชื่อว่าเป็นฝีมือของเขาเช่นกัน เนื่องจากคดีหมดอายุความไปก่อนหน้านี้แล้ว

    [​IMG]

    ผู้คนต่างดีใจและโล่งใจกับข่าวการจับกุมชายผู้อยู่เบื้องหลังเหตุสะพรึงที่ลอยนวลมากว่าครึ่งชีวิตได้สำเร็จ แต่ในขณะเดียวกันก็ตั้งคำถามกับวิธีการที่ใช้ติดตามไล่ล่าตัวคนร้ายรายนี้

    ประเด็นการเข้าถึงข้อมูล DNA ด้วยวิธีการของตำรวจ Sacramento นั้นมิได้ขัดกับกฎหมายปัจจุบัน เพราะแม้การเก็บตัวอย่าง DNA จากผู้ต้องสงสัยจำเป็นต้องได้รับความยินยอมจากเจ้าตัวหรือใช้หมายศาล แต่การเข้าถึงข้อมูล GEDmatch นั้นไม่จำเป็นต้องรอขั้นตอนการอนุมัติหรือยินยอมดังที่ว่า

    ข่าวการจับกุม Golden State Killer ปลุกกระแสความตื่นตัวเกี่ยวกับความเป็นส่วนตัวของข้อมูล DNA เพราะนี่คือข้อมูลทางชีวภาพ เช่นเดียวกับลายนิ้วมือ หรือภาพสแกนม่านตา ที่สามารถนำมาเชื่อมโยงเพื่อการระบุตัวบุคคลได้ โดยหลักการแล้วสิ่งเหล่านี้จะติดตัวบุคคลไปตลอดชีวิต หากมันถูกเผยแพร่และมีคนที่ไม่หวังดีได้ข้อมูลเหล่านี้ไปแล้ว อาจทำให้เจ้าของข้อมูล DNA ตกเป็นเหยื่อของการปลอมแปลงสวมรอยตัวตนได้ ที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้น DNA บอกอะไรมากไปกว่าการยืนยันตัวตน เพราะการวิเคราะห์ DNA สามารถเชื่อมโยงไปถึงข้อมูลสุขภาพและความสัมพันธุ์กับบุคคลอื่นที่เป็นญาติได้ด้วย

    ทางด้าน 23andme และ Ancestry ต่างก็รีบออกมาแถลงยืนยันหนักแน่นว่าบริษัทไม่มีนโยบายเปิดเผยข้อมูลของลูกค้าแก่หน่วยงานรัฐหากไม่มีหมายศาล และการรับข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ DNA ก็จะทำโดยการเก็บตัวอย่างน้ำลายจากลูกค้าโดยตรงเท่านั้น ทั้งนี้เพราะเกรงว่าหากรับเอาข้อมูล DNA จากลูกค้าในรูปแบบไฟล์ดิจทัลอาจเสี่ยงต่อการปลอมแปลงช้อมูลโดยผู้ไม่หวังดีได้

    ที่มา - Wired

    Topics: CrimeBiologyBioinformaticsPrivacyUSA
     

Share This Page