รีวิว Fujitsu ScanSnap SV600 เครื่องสแกนที่ออกแบบมาเพื่อสแกนหนังสือ

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Nov 2, 2017.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    หนึ่งในอุปกรณ์ที่มักได้รับความนิยมในการแปลงเอกสารหรือหนังสือจากรูปแบบปกติ (hardcopy) เป็นอิเล็กทรอนิกส์ (softcopy/electronic copy) คือเครื่องสแกน (scanner) ซึ่งในตลาดมีอยู่หลายเจ้า หนึ่งในนั้นคือ Fujitsu ซึ่งสำหรับตลาดผู้ใช้ทั่วไปอาจไม่คุ้นเคย เพราะมักทำตลาดในระดับองค์กรมากกว่า

    ผมได้รับเครื่องสแกน ScanSnap SV600 ของ Fujitsu ที่เป็นเครื่องสแกนระดับสูง (high-end) มาลองใช้อยู่พักหนึ่ง ซึ่งพบว่าทำงานได้ดีและไว แต่ยังคงมีปัญหาอยู่ในบางจุดกับการสแกนหนังสือ และนี่คือรีวิวครับ

    เครื่องสแกนระดับองค์กร สำหรับสแกนเอกสารและหนังสือ


    ScanSnap SV600 (จากนี้จะเรียกสั้นๆ ว่า SV600) เป็นเครื่องสแกนของ Fujitsu ที่ถูกวางไว้ในฐานะเครื่องสแกนเอกสารและหนังสือ แต่จริงๆ แล้วมันสแกนได้ทั้งนามบัตรและสิ่งของอื่นๆ ด้วย ราคาค่าตัวเท่าที่ตรวจสอบมาอยู่ที่ประมาณ 26,000 บาทครับ (แพงมาก!)

    โจทย์ใหญ่เวลาคนสแกนหนังสือหรือเอกสารจากหนังสือเมื่อใช้เครื่องสแกนแบบที่เราคุ้นเคยที่เรียกว่า flatbed (จะแปลว่าเตียงคงฟังแปลกๆ ขอใช้ทับศัพท์ไปในตรงนี้) คือความเหนื่อยที่จะต้องมานั่งพลิกหน้า เปิดไปเปิดมา นี่ไม่นับว่าหนังสืิออาจจะเสียได้ง่ายๆ (หากเป็นหนังสือราคาแพงและหายาก ก็คงไม่อยากทำ) เครื่องสแกนแบบ over head แบบ SV600 จึงถูกออกแบบมากับโจทย์นี้ ว่าง่ายๆ คือวางหนังสือ เปิดหน้าที่ต้องการ สั่งสแกน ก็ควรเสร็จสิ้น และถ้าเปลี่ยนหน้าก็ควรเปลี่ยนได้โดยอัตโนมัติ ดังนั้นสแกนเนอร์จึงเป็น "แท่น" ที่สแกนหนังสือ มีลักษณะเหมือนโคมไฟ

    [​IMG]

    SV600 รองรับเอกสารใหญ่ที่สุดคือแบบ A3 และใช้การเชื่อมต่อผ่าน USB 2.0 โดยจะใช้ซอฟต์แวร์ชื่อ ScanSnap เป็นซอฟต์แวร์ของมันทำงาน องค์ประกอบสำคัญๆ ของมันมีสองส่วน คือ ตัวแท่นที่เป็นเครื่องสแกนหน้าตาเหมือนโคมไฟ และผ้าใยสังเคราะห์ผสมยางสีดำ ที่ใช้ควบคู่กันในการกำหนดพื้นที่ทำงานของเครื่องสแกน

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ที่ตัวแท่นเครื่องสแกน จะมีปุ่มสั่งสแกนและปุ่มกดหยุด ทำให้ในการใช้งานจริงเวลาต้องการสแกนเอกสารแบบรวดเร็วและเป็นหน้าๆ ก็ทำได้รวดเร็วจากตัวเครื่องครับ

    [​IMG]

    ข้อดีของการวางเครื่องสแกนแบบนี้ คือจริงๆ แล้วมันไม่ใช่แค่สแกนเอกสารได้เท่านั้น แต่เป็นวัตถุอะไรก็ได้ (ผมลองสแกน iPhone SE ผม มันก็แสกนได้นะครับ) ซึ่งถ้าใช้แบบ flatbed เดิมที่เราคุ้นเคย ก็คงเป็นเรื่องที่ยากที่จะจับเอาวัตถุอะไรก็ได้ไปสแกน ส่วนในชีวิตประจำวันเราจะสแกนวัตถุเหล่านี้หรือไม่เป็นอีกเรื่องนะครับ

    ซอฟต์แวร์


    เครื่องสแกนนี้ต้องลงซอฟต์แวร์ก่อนทุกครั้ง รองรับทั้ง Windows และ Mac แต่เพื่อความชัวร์ ผมใช้กับ Surface Pro ซึ่งลงได้ไม่มีปัญหา แต่จุดที่ทำให้กว่าจะใช้งานได้จริงๆ คือการสั่งอัพเดตที่ต้องสั่งอยู่หลายรอบ เพราะซอฟต์แวร์ที่ติดมากับเครื่องนั้นค่อนข้างเก่าแล้ว

    [​IMG]

    พอลงเสร็จแล้ว เราจะได้โปรแกรมติดมาจำนวนหนึ่ง สิ่งที่เราต้องยุ่งด้วยที่สุดคือ ScanSnap Manager ครับ ซึ่งมันจะเป็นโปรแกรมหลัก เปิดมาพร้อมกับเครื่องคอมเลยทีเดียว หน้าที่ของมันคือไว้สำหรับสั่งการสแกนครับ

    [​IMG]

    [​IMG]

    ScanSanp Manager มีหน้าที่ในการรับสัญญาณภาพจากเครื่องสแกน แล้วเอามาปรับแก้ทำให้เป็นไฟล์ที่เหมาะสม เราสามารถตั้งค่าสแกนได้ตามที่เราต้องการครับ จะเอาเป็น PDF หรือเป็นภาพก็ได้ จะเอาเป็นเอกสาร Word ก็ได้เช่นกัน (OCR รองรับเฉพาะภาษาอังกฤษนะครับ ภาษาไทยใช้ไม่ได้) ปรับแต่งได้หลายตัวเลือกอยู่

    [​IMG]

    [​IMG]

    อีกแอพที่เราอาจจะต้องใช้บ้าง ก็คือ ScanSnap Organizer ที่จะเข้าไปจัดการกับไฟล์ที่เราได้มาจากสแกนครับ อันนี้ก็มีคุณสมบัติเยอะมากเช่นกัน (ตามตรงคือผมรีวิวหมดไม่ไหวครับ) หลักๆ ก็คือเข้าไปแก้ไขไฟล์ บันทึกไฟล์เป็นรูปแบบไฟล์อื่นๆ หรือแม้กระทั่งส่งขึ้นไปเก็บบน Cloud Storage ที่รองรับก็ได้เช่นกันครับ

    [​IMG]

    ใช้งานจริง


    ในการใช้งานจริง สิ่งที่เราต้องทำคือเอาวัตถุไปวางไว้แบบในภาพ แล้วสั่งสแกนครับ จะสั่งผ่าน ScanSnap Manager หรือจากตัวเครื่องก็ได้เช่นกันครับ

    [​IMG]

    สิ่งที่เครื่องจะทำ คือฉายแสงไฟที่มาจากหลอด LED แล้วตัวแท่นสแกนจะสแกนภาพในครั้งเดียวจบครับ (เร็วมาก!) ถ้ายังไม่เห็นภาพ ผมมีวิดีโอให้ดูครับ


    ตัวหัวที่เป็นเครื่องรับภาพ จะสแกนด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาราวๆ 1-2 วินาที ก็สามารถสแกนได้จบแล้ว จากนั้นก็เป็นหน้าที่ของ ScanSnap ในการจัดการภาพหลังจากนั้นแล้ว


    หลังจากที่เราสแกนเสร็จ ScanSnap จะโผล่ขึ้นมาถามเราต่อทันทีว่าจะสแกนต่อไหม ซึ่งเราสามารถสั่งได้ทันที ในกรณีของการสแกนหนังสือมันสามารถตรวจสอบได้ด้วยว่าเราเปลี่ยนหน้าหรือยัง แต่เท่าที่ทดลองใช้ เครื่องจะต้องรอ 1-2 วินาที ก่อนเริ่มสแกนใหม่ ซึ่งถามผมแล้ว การเปลี่ยนหน้าแล้วสั่งสแกนเองเร็วกว่าครับ

    [​IMG]

    พอสแกนเสร็จหมดทุกอย่าง ระบบจะให้เราเลือกระหว่างภาพที่ระบบตัดขอบมาให้แล้ว หรือภาพแบบดั้งเดิมที่ได้แล้วค่อยไปแก้ไขเอาเอง

    [​IMG]

    การแก้ไข สามารถทำได้ทั้งบิดหน้า หรือแม้กระทั่งลบมือที่กดหนังสือเอาไว้ให้กางได้ด้วย อย่างไรก็ดีถ้าตอนแรกหนังสือตั้งไว้แล้วไม่เรียบ มีความโค้งมากๆ (ในกรณีหนังสือใหม่) ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำให้ตรงๆ ได้เหมือนกัน (และถือเป็นจุดตายตรงนี้) ดังนั้นแล้วถ้าจะสแกนหนังสือจริงๆ อาจต้องเป็นเล่มเก่าๆ หน่อย แล้วพยายามตั้งให้หน้าแบนเรียบ ไร้ส่วนโค้งต่างๆ ให้มากที่สุดครับ

    [​IMG]

    ส่วนคุณภาพของผลงานที่ออกมาก็ต้องถือว่าใช้ได้ ผมคัดเลือกเอาภาพปกหนังสือกับ iPhone SE เพื่อให้เห็นความชัดเจน (กดที่รูปดูภาพเต็มได้ครับ)

    [​IMG]

    [​IMG]

    สรุป


    SV600 เป็นเครื่องสแกนที่ดีที่สุดในชีวิตอันหนึ่งที่ผมเคยใช้มา สาเหตุเพราะด้วยความรวดเร็วและความละเอียดที่ได้ รวมถึงคุณสมบัติต่างๆ ที่หลากหลายมากในการนำภาพที่ได้ไปใช้ต่อ อย่างไรก็ตาม ถ้าจะซื้อมาเพื่อสแกนหนังสือจริงๆ อาจจะไม่ได้เหมาะขนาดนั้น เพราะต้องพยายามให้หนังสือแบนราบไร้ความโค้งมากที่สุด รวมถึงต้องอดทนในการมานั่งตามลบภาพมือในหนังสือที่เราสแกนด้วย

    ด้วยราคาค่าตัวที่ราว 26,000 บาท ผมยังไม่เห็นประโยชน์สำหรับผู้ใช้ตามบ้านทั่วไปที่จะหาซื้อมาใช้ แต่ถ้าท่านคิดว่าจำเป็นหรือเป็นองค์กรที่ต้องการสแกนเอกสารเก่าแก่จำนวนมากเก็บบันทึกไว้ SV600 ก็อาจช่วยตอบโจทย์ได้ครับ

    ข้อดี

    • ทำงานได้ไว
    • สแกนเอกสารได้ความละเอียดที่น่าประทับใจ
    • ซอฟต์แวร์มีคุณสมบัติหลากหลาย ปรับแต่งได้ตามความต้องการของผู้ใช้

    ข้อเสีย

    • ถ้าวัตถุที่สแกน (เช่นหนังสือ) ไม่แบนราบ ต้องเสียเวลาตัดต่อ บางทีก็ตัดต่อไม่ได้ด้วย
    • ใช้พื้นที่เยอะพอสมควร
    • แพงมาก เป็นระดับราคาที่ผู้ใช้ทั่วไปตามบ้านไม่น่าซื้อได้ (ยกเว้นมีความจำเป็นหรือเป็นการใช้ในระดับองค์กร)
    Topics: FujitsuReviewScanner
     

Share This Page