รีวิว Nikon D7500 กล้องเซมิโปร ถอดความเร็วจาก D500 มาใส่ในบอดี้ขนาดเล็กลง

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Oct 11, 2017.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    เมื่อช่วงกลางปี Nikon D7500 ได้เปิดตัวมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ ๆ ที่หลาย ๆ ส่วนยกมาจาก D500 มาลงบอดี้ขนาดเล็กลง จึงเป็นที่น่าจับตามองสำหรับผู้ใช้กล้องที่อยากได้กล้องตัวไม่ใหญ่เกินไป และมีความสามารถที่ดีเพียงพอกับการใช้งาน

    ด้วยการที่ Nikon เลือกนำฟีเจอร์จาก D500 มาลง D7500 จึงทำให้กล้องรุ่นนี้พัฒนาด้านความเร็วได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้าอย่าง D7200 พอสมควร ภายใต้บอดี้ที่ใกล้เคียงกัน

    รีวิวนี้จะเน้นรายละเอียดในด้านการทดสอบการใช้งานเป็นหลัก ดังนั้นหากต้องการดูรายละเอียดสเปคสามารถอ่านได้จากเว็บ Nikon

    [​IMG]

    การออกแบบภายนอก
    Nikon D7500 นั้น มีการออกแบบภายนอกในลักษณะ Nikon เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ โดยขนาดตัวของกล้องถือว่าอยู่ในระดับปานกลาง และถ้าคาดหวังการจับตัวกล้องแล้วอยากได้ความรู้สึก grip เต็มมือ อาจจยากหน่อยถ้าเป็นคนมือใหญ่ระดับปานกลางถึงใหญ่มาก เพราะตัว grip นั้นไม่ได้ใหญ่ แต่ก็จับแล้วให้ความรู้สึกดีกว่ารุ่นเล็ก ๆ

    น้ำหนักตัวเครื่องอยู่ในระดับปานกลางค่อนข้างเบา (หนักกว่ารุ่นเล็กกว่าไม่มาก) สามารถพกพาไปมาได้อย่างไม่เป็นภาระมากนัก และด้วยน้ำหนักพอตัวทำให้พอใส่เลนส์ตัวใหญ่เข้าไปจะดูสมส่วนกว่ารุ่นเล็ก

    [​IMG]

    D7500 มีจอสัมผัสขนาด 3.2 นิ้ว พร้อมระบบสัมผัสและกระดกได้ (ที่ไม่ใส่จอหมุนมาคาดว่าเพราะติดปุ่มฟังก์ชันด้านซ้ายมือของจอ) ซึ่งจะทำให้สะดวกมากยิ่งขึ้นเมื่อถ่ายในมุมแปลก ๆ การกระดกนี้สามารถกระดกขึ้นและลงได้ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถกระดกพลิกจอมาเซลฟี่ได้ ซึ่งเรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาสำหรับผู้ใช้กล้องระดับนี้มากนัก และยังมี Snapbridge ที่ทดแทนได้ในระดับหนึ่ง (แม้จะไม่ได้เต็มร้อยก็ตามที)

    ส่วนระบบสัมผัสก็ทำให้การใช้งานกล้องสะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะใครที่ยังไม่คุ้นเคยกับ UI ของกล้องก็สามารถเรียนรู้จากระบบสัมผัสไปก่อนได้

    ส่วนสิ่งที่มีใน D7200 แต่ถูกตัดออกใน D7500 ก็คือช่องเสียบการ์ด 2 ช่อง ถูกลดเหลือเพียงช่องเดียวเท่านั้น

    [​IMG]

    เหนือช่องมองภาพ มีเซนเซอร์วัดแสง ซึ่งจะคอยปรับแสงหน้าจอตามสภาพแสงรอบข้าง รวมถึง UI ก็มีสีขาวและสีดำ ซึ่งจะปรับเปลี่ยนตามแสงรอบข้างด้วยเช่นกัน

    นอกจากนี้ ตัวกล้องก็ยังมีจอบนและปุ่มปรับอยู่ทางด้านซ้ายที่มีตัวล็อกกันการหมุนปุ่มพลาดอย่างไม่ตั้งใจด้วย ตามมาตรฐานอุปกรณ์กล้องระดับกึ่งโปรในปัจจุบัน รวมถึงยังมีปุ่ม Fn ด้านหน้าตัวกล้องและข้าง ๆ เมาท์เลนส์ให้ตั้งเป็นฟังก์ชันได้ตามต้องการด้วย อำนวยความสะดวกในการกดในขณะที่กำลังรีบ ๆ

    การถ่ายภาพ
    Nikon ยกเซนเซอร์, ระบบประมวลผลภาพ และระบบวัดแสงมาจาก D500 แทบจะทุกอย่าง โดยสเปคคร่าว ๆ ของ D7500 นั้นใช้เซนเซอร์ APS-C ที่ 20.9 ล้านพิกเซล (5472 x 3648 ซึ่งน้อยกว่า D7200 ที่ 24 ล้านพิกเซล แต่จำนวนพิกเซลที่น้อยลงไม่ใช่ประเด็นใหญ่นัก), ISO 100-51200 ขยายได้ถึง 50-1.64 ล้าน สามารถถ่ายภาพรัวได้ 8 ภาพต่อวินาที (ลดลงจาก D500 ที่ถ่ายได้ 10 ภาพต่อวินาที) และมีบัฟเฟอร์ขนาดใหญ่ขึ้นทำให้ถ่ายภาพต่อเนื่องได้นานกว่าเดิม

    [​IMG]

    ถัดไปคือการทดสอบ noise เนื่องจาก Nikon ได้อัด ISO มาให้สะใจถึง 51200 แถมขยายได้สูงสุดจนถึง 1.64 ล้าน (ขอเริ่มทดสอบที่ 400 เนื่องจาก 100-400 ผลลัพธ์แทบไม่ต่างกัน) จากผลการทดสอบก็พบว่า ถ้าจะถ่ายภาพในที่แสงน้อย 51200 ยังสามารถใช้งานได้ เมื่อ boost ไปจนถึงระดับ 102400 (H1) ก็เริ่มเกิดอาการภาพเละขึ้นมาให้เห็น แต่ในสถานการณ์ที่จำเป็นก็ยังคงใช้งานได้ ไม่ถึงกับรายละเอียดหายไปเสียทีเดียว

    ภาพตัวอย่างจาก Nikon D7500 (ทุกภาพจบหลังกล้องและย่อด้วย Lightroom)

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    [​IMG]

    ส่วนวิดีโอรองรับการสูงสุดที่ 4K 30fps นาน 29 นาที แต่มีข้อเสียคือเมื่อถ่ายที่ 4K แล้ว ภาพจะถูกครอปออกบางส่วน จึงทำให้ได้มุมมองที่แคบลง สำหรับงานบางอย่างที่จำเป็นต้องใช้มุมกว้างก็อาจจะต้องเปลี่ยนไปถ่ายวิดีโอ 1080p แทน (เพราะ 1080p เลือกได้ว่าจะสั่งให้ครอปหรือไม่ แต่ 4K บังคับว่าต้องครอปเท่านั้น) โดย Nikon D7500 สามารถถ่ายวิดีโอ 1080p ได้สูงสุดที่ 60fps

    ส่วนด้านการเชื่อมต่อของ D7500 นี้จะยังคงใช้ SnapBridge เหมือน Nikon รุ่นอื่น ๆ ดังนั้นจึงจะไม่ขอพูดถึงซ้ำ สามารถอ่านได้จากรีวิวของ D5600 (ต่างกันตรงที่ D7500 ไม่สามารถเชื่อมต่อผ่าน NFC เท่านั้น)

    สรุป
    D7500 เป็นกล้องในระดับกึ่งโปรที่ให้ความรู้สึกไม่หนักมากนัก แต่ภายในแฝงไปด้วยความเร็วเพราะหลายส่วนยกมาจาก D500 ดังนั้นหากใครรู้สึกว่า D5600 ไม่พอก็ขยับมาตัวนี้ได้ เพราะแม้ว่าจะน้ำหนักมากกว่า แต่ก็ไม่ได้ให้ความรู้สึกเป็นภาระมากจนเกินไป และยังมีฟีเจอร์ Snapbridge สำหรับการถ่ายโอนภาพเพื่อไปลงโซเชียลเน็ตเวิร์คเพิ่มความสะดวกได้อีกระดับ

    สิ่งที่แอบขัดใจเล็กน้อยคือฟีเจอร์อัดวิดีโอ 4K ที่ถูกจำกัดพื้นที่ไปหน่อย คาดว่าในรุ่นถัด ๆ ไป Nikon จะพัฒนาให้เลือกได้เหมือนกับ 1080p รวมถึงระบบโฟกัสใน Live View ที่ช้าไปเล็กน้อย แต่ถ้าใครใช้การถ่ายภาพด้วยช่องมองภาพเป็นหลัก ประเด็นนี้ก็คงไม่ใช่ปัญหาใหญ่นัก

    Topics: NikonReviewDSLRCamera
     

Share This Page