เก็บตกสตาร์ทอัพสายการแพทย์ จากสัมมนางาน Digital Thailand Big Bang 2017

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Oct 1, 2017.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    งาน Digital Thailand Big Bang 2017 งานนิทรรศการเทคโนโลยีดิจิทัล จัดขึ้นที่ชาเลนเจอร์ฮอลล์ เมืองทองธานี 21-24 กันยายน 2560 ที่ผ่านมา มีบูธของหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน บริษัทจากทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมแสดงงาน

    ภายในงานยังมีสัมมนาหลายหัวข้อ Blognone ได้เข้าฟังสัมมนาจากกลุ่ม Health Tech Startup ประเทศไทย พูดถึงการดูแลสุขภาพในยุคดิจิทัล ปัญหาและ โซลูชั่นต่างๆ ที่คาดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพคนไทย บนเวทียังมีการแนะนำสตาร์ทอัพสุขภาพหลายเจ้าด้วย

    [​IMG]

    พงษ์ชัย เพชรสังหาร ผู้พัฒนาแอพ SmartHealthCare และหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม Health Tech Startup พูดภาพรวมของสตาร์ทอัพสุขภาพในไทยตอนนี้ว่า ปัจจุบันมีบริษัทและสตาร์ทอัพประมาณ 35 บริษัทในกลุ่ม Health Tech Startup ที่มองเห็นปัญหาเรื่องการให้บริการสุขภาพในประเทศไทย สามารถแบ่งเป็นกลุ่มต่างๆ เช่น จิตวิทยา บริการสุขภาพ ปรึกษาปัญหาสุขภาพทางไกล และ เครือข่ายแพทย์ เป็นต้น จนถึงตอนนี้เริ่มมีโรงพยาบาลนำโซลูชั่นจากบริษัทเหล่านี้ไปใช้บ้างแล้ว
    [​IMG]

    โซลูชันจัดการข้อมูลสุขภาพ รักษาโรคได้ตั้งแต่ระยะแรกเริ่ม


    ด้านแอพ SmartHealthCare จากบริษัท Smart Healthcare Global ที่คุณพงษ์ชัยเป็นผู้ก่อตั้ง มาจากการมองเห็นปัญหาเรื่องการจัดการข้อมูลสุขภาพ การเชื่อมต่อข้อมูลของแต่ละโรงพยาบาล ที่สำคัญข้อมูลสุขภาพของแต่ละคนไม่เหมือนกัน

    ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่าในประเทศไทย 1 ใน 4 ของประชากรไทยเป็นโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เป็นโรคไต 8 ล้านคน ความดันโลหิสูง 5 ล้านคน โรคเบาหวาน 2.5 ล้านคน และคนไม่ถึงครึ่งที่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นตั้งแต่เริ่ม รู้ตัวอีกทีก็เป็นระยะสุดท้ายแล้ว

    คุณพงษ์ชัย บอกว่านี่จึงเป็นที่มาของการทำแอพพลิเคชั่นช่วยวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพ ติดตามและบันทึกข้อมูลสุขภาพ แสดงผลออกมาให้วิเคราะห์ได้ง่าย เพื่อให้ผู้ป่วยและคนที่เสี่ยงเป็นโรคได้รักษาตัวเองเร็วขึ้น ดีกว่าไปรู้ตอนระยะสุดท้าย

    ฟีเจอร์สำคัญของแอพพลิเคชั่นคือ การยืนยันตัวตนและการเชื่อมโยงข้อมูลผ่านโรงพยาบาลที่เป็นพาร์ทเนอร์ ตัวแอพจะเข้ามาทดแทนสมุดตรวจสุขภาพ แอพดึงข้อมูลจากโรงพยาบาลในระบบอัตโนมัติ นำเสนอและแสดงผลข้อมูลในรูปแบบเข้าใจง่าย

    นอกจากนี้ แอพยังมีระบบคัดกรองผู้มีความเสี่ยง แจ้งเตือนแนวโน้มการทำงานของอวัยวะ คือแทนที่จะรอให้เป็นโรคระยะท้าย เพราะมีเทคโนโลยีติดตามการทำงานของอวัยวะ (ไต, เลือด) เมื่อมีการติดตามการทำงานอย่างต่อเนื่องจะระบุอาการแรกเริ่มได้เร็วกว่า
    [​IMG]

    การรักษาที่ให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง และ การแพทย์ทางไกล


    หัวข้อถัดมาพูดถึงแนวทางการแพทย์ที่ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง ผู้บรรยายคือ ทพญ.กัญจน์ภัสสร สุริยาแสงเพ็ชร์ ผู้ก่อตั้ง Ooca แพลตฟอร์มสื่อกลางระหว่างจิตแพทย์ นักจิตวิทยา และคนไข้ คุณกัญจน์ภัสสร ระบุว่า แนวทางการแพทย์ที่ให้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางไม่ใช่เรื่องใหม่ องค์การอนามัยโลกส่งเสริมแนวทางนี้มาเป็นสิบปีแล้ว ซึ่งในระยะเวลาสิบปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีเปลี่ยน แต่ในทางการแพทย์ ปรับเปลี่ยนไม่ทัน เช่น วิธีพบแพทย์ วิธีดูแลสุขภาพ

    WHO ระบุว่า แพทย์อาจโฟกัสรักษาที่ตัวโรคมากเกินไป ทำให้บทบาท ผู้ให้และผู้รับบริการไม่เท่าเทียมกัน การเข้าถึงบริการการแพทย์ควรทำให้สะดวกสบายมากขึ้น และควรมองปัจจัยอื่นด้วย เช่น สภาพจิตใจ สังคม ความสามารถในการดูแลตัวเองของแต่ละคน

    ปีนี้ WHO ยกให้โรคซึมเศร้าเป็นปัญหาหลัก ทั้งที่เมื่อก่อนเราแทบไม่ได้สนใจโรคนี้เลย จากสถิติโรคนี้มีคนตาย 1 ในสิบของบรรดาโรคภัยต่างๆ เราควรเริ่มเปลี่ยนมุมมองมามองที่ฝั่งคนไข้ เราจะสามารถออกแบบวิธีเข้าถึงบริการของประชาชนได้ง่ายขึ้น กัญจน์ภัสสร เป็นหนึ่งในผู้ที่เห็นปัญหานี้จึงก่อตั้ง Ooca ขึ้นมา สามารถอ่านย้อนหลังได้ ที่นี่

    เรื่องการแพทย์ทางไกลหรือ Tele Medicine กัญจน์ภัสสร ระบุว่าเป็นเรื่องสำคัญ โดยยกตัวอย่างในบังกลาเทศ มีสตาร์ทอัพชื่อ Jeeon ทำระบบการแพทย์ทางไกล ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล ทำระบบปรึกษาแพทย์ทางไกลติดตั้งในร้านขายยาที่ประชาชนเข้าถึงได้มากกว่าโรงพยาบาล ในเมื่อบังกลาเทศทำได้ ไทยก็ทำได้ เพราะประเทศไทยมีมูลค่าการตลาดร้านขายยาในไทยถึงสามหมื่นล้านบาท และร้านขายยาเป็นที่พึ่งของคนทั่วไปที่ไม่สะดวกไปโรงพยาบาล

    [​IMG]

    การแพทย์ทางไกลมีบทาทชัดเจน โดย American Psychiatric Association (องค์กรวิชาชีพจิตแพทย์ของสหรัฐฯ) ให้การรับรองและสนับสนุนการแพทย์ทางไกลอย่างเป็นทางการ

    [​IMG]

    การใช้ยาอย่างถูกต้องในยุคดิจิทัล


    จักร ศัลยวัตร จากสตาร์ทอัพ Pharma Safe ระบุว่าความคาดเคลื่อนในการใช้ยาเป็นปัญหาใหญ่มาก ส่งผลให้เสียชีวิตได้ สาเหตุมาจากหลายอย่างทั้งจากโรงพยาบาลเอง และจากผู้ป่วย

    สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ระบุว่าคนไทย 40% ใช้ยาไม่ถูกต้อง เทียบเป็นงบประมาณเป็นหลักแสนล้านบาท ที่ยิ่งกว่านั้นคือ ผู้ป่วยหายจากโรคช้าลง อยู่โรงพยาบาลนานขึ้น แพ้ยาและเสี่ยงชีวิต

    การใช้ยาผิดมาจากหลายสาเหตุ หยิบยาผิด กินยาไม่ครบ เก็บรักษายาไม่ดีจนยาเสื่อมสภาพ กรณีนี้อันตรายมาก เพราะเมื่อยาเสื่อมสภาพก็ไม่ต่างจากสารเคมีหรือยาพิษ สุดท้ายก็ย้อนกลับมาที่ผู้ป่วยว่าต้องจัดการตนเองอย่างไร เทคโนโลยีช่วยให้ปัญหาดังกล่าวทุเลาลง ทุกวันนี้ีโซลูชั่นมากมายเช่น แอพช่วยแจ้งเตือนการกินยา อุปกรณ์ IoT ติดตั้งที่ขวดยา เป็นต้น

    ด้านแอพพลิเคชั่น Pharma Safe ที่จักร ศัลยวัตรก่อตั้ง คือระบบ บันทึกข้อมูลเอกสารกำกับยาทันทีที่ได้รับการจ่ายยาจากโรงพยาบาล มีระบบเตือนให้กินยาถูกเวลา ไม่ผิดชนิด ระบบยังบันทึกประวัติการแพ้ยา หรือยาที่อาจมีผลข้างเคียงต่อผู้ใช้ ระบบสามารถรวมข้อมูลจากหลายโรงพยาบาลได้ โดยผู้ป่วยไปลงทะเบียนเปิดข้อมูลที่โรงพยาบาล ช่วยให้การรักษาเมื่อเปลี่ยนโรงพยาบาลทำได้ราบรื่นมากขึ้น

    บนเวทีสัมมนายังมีสตาร์ทอัพอีกหลายรายที่มาแนะนำโซลูชันการแพทย์ เช่น Chiiwii life online clinic for women แพลตฟอร์มปรึกษาแพทย์เฉพาะทางสำหรับผู้หญิง ZeecDoc แพลตฟอร์มนัดหมายแพทย์ทางออนไลน์ เป็นต้น

    Topics: MedicineStartupThailandHealth
     

Share This Page