รู้จักแอพ LINE Mobile ควบคุมค่าใช้จ่ายและแพ็กเกจที่ใช้งานง่ายๆ ด้วยตัวเอง

Discussion in 'เทคโนโลยี' started by iPokz, Jun 26, 2017.

  1. iPokz

    iPokz ~" iPokz "~ Staff Member

    จากตอนที่แล้ว เราเรียนรู้วิธีการสมัครใช้บริการ LINE Mobile ผ่านหน้าเว็บกันไปแล้ว เมื่อซิมการ์ดส่งมาถึงบ้าน สิ่งที่เราต้องทำมีเพียงแค่หักซิมออกจากกรอบแล้วเสียบเข้าใช้งานกับโทรศัพท์ได้ทันที ไม่ต้องตั้งค่าใดๆ

    แต่เพื่อให้การใช้งาน LINE Mobile เต็มประสิทธิภาพ เราควรดาวน์โหลดแอพ LINE Mobile เพื่อให้เราสามารถควบคุมและปรับเปลี่ยนบริการที่ใช้งานได้ตามต้องการ โดยไม่ต้องติดต่อคอลล์เซ็นเตอร์ให้เสียเวลา

    [​IMG]

    ดาวน์โหลดและติดตั้งแอพ LINE Mobile


    แอพ LINE Mobile มีให้ดาวน์โหลดทั้งบน iOS และ Android โดยในบทความนี้จะอ้างอิงจากเวอร์ชัน Android เป็นหลัก

    การดาวน์โหลดแอพไม่มีอะไรยาก เพียงแค่ค้นหาชื่อ LINE Mobile ใน App Store หรือ Play Store ก็ติดตั้งได้เหมือนแอพปกติ

    [​IMG]
    เมื่อติดตั้งเสร็จ เปิดแอพขึ้นมาครั้งแรก จะพบกับหน้า Tutorial เล็กน้อย อธิบายว่าแอพตัวนี้ช่วยควบคุมการใช้งานของเรา และสามารถจ่ายค่าบริการรายเดือนจากแอพนี้ได้ทันที

    ทั้งหมดเป็นบริการแบบ self-service ที่สะดวก รวดเร็ว ทำได้ทุกที่ทุกเวลาจากในแอพเลย

    [​IMG]

    ถ้าหากเราเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน Wi-Fi จะไม่สามารถล็อกอินเพื่อใช้แอพได้ ให้เราเสียบซิม LINE Mobile แล้วเชื่อมต่อเน็ตผ่าน 3G/4G ก่อน หน้าจอล็อกอินจึงจะโผล่ขึ้นมา ตรงนี้สามารถใช้ username/password ที่เราตั้งไว้ตอนสมัครใช้บริการได้เลย

    [​IMG]

    เริ่มต้นใช้งานแอพ หน้าจอ Dashboard


    หลังจากล็อกอินเข้ามาในแอพแล้ว หน้าจอหลักของแอพจะมี 2 แท็บคือ Dashboard กับ Control

    หน้าจอที่เราใช้บ่อยที่สุดคือ Dashboard ซึ่งจะบอกข้อมูลสำคัญ 3 อย่างคือ

    • ยอดค่าใช้จ่ายทั้งหมด (Outstanding Balance)
    • จำนวนนาทีและเน็ตความเร็วสูงที่เหลืออยู่ (Minutes/Data Remaining)
    • แพ็กเกจที่เราใช้งานอยู่ในปัจจุบัน (Current Package)

    จุดเด่นของหน้าจอ Dashboard คือการแสดงจำนวนนาทีและเน็ตแบบเต็มสปีดที่เหลืออยู่ในรูปแถบสีเขียว มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่า เดือนนี้เราใช้เน็ตและโทรไปแล้วเท่าไร และเหลืออีกเท่าไร ช่วยให้เราสามารถบริหารจัดการแพ็กเกจตลอดวันที่เหลืออยู่ของเดือนนั้นๆ ได้ง่ายมาก

    [​IMG]
    Control ควบคุมการทำงานได้ดั่งใจ


    แท็บด้านข้างของ Dashboard คือ Control (ควบคุม) หน้าที่ของมันคือเป็นปุ่มเปิด-ปิดการทำงานของฟีเจอร์สำคัญ 2 อย่าง

    อย่างแรกคือ Data Control หรือควบคุมความเร็วเน็ต ระหว่างความเร็ว 256kbps เน็ตฟรีไม่จำกัดปริมาณ และความเร็วสูงสุด (Full Speed) ตามแพ็กเกจที่เราซื้อไว้ ฟีเจอร์นี้ถือเป็น "ทีเด็ด" ของ LINE Mobile ที่ช่วยให้เราประหยัดปริมาณเน็ตได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้เน็ตแบบเต็มสปีดให้หมดก่อน

    หากเรารู้ล่วงหน้าว่าช่วงไหนไม่จำเป็นต้องใช้เน็ตความเร็วสูง เช่น ใช้งานแค่การแชทอย่างเดียว เราสามารถเข้ามาปรับความเร็วในหน้า Data Control เป็นเน็ตฟรีแบบ 256kbps ไว้ก่อน เมื่อจะใช้เน็ตทำงานที่ต้องอาศัยความเร็ว เช่น ดูคลิปหรืออัพโหลดภาพ ค่อยมาปรับเป็นเน็ตแบบเต็มสปีดได้ตามต้องการ

    [​IMG]

    ส่วนฟีเจอร์ที่สองคือ Out-of-Plan Charge Control หรือการควบคุมค่าใช้จ่ายไม่ให้เกินแพ็กเกจ ตรงนี้เราสามารถตั้งลิมิตค่าใช้จ่ายได้ตามต้องการ ช่วยแก้ปัญหาเรื่องเน็ตรั่วหรือโทรเกินวงเงินได้

    ปกติแล้วถ้าเราใช้บริการมือถือค่ายอื่นๆ การตั้งลิมิตมักจำเป็นต้องโทรไปแจ้งคอลล์เซ็นเตอร์ ซึ่งหลายคนอาจขี้เกียจเพราะต้องรอเสียเวลารอสาย แต่กรณีของ LINE Mobile เราสามารถตั้งค่านี้ได้เอง แถมปรับเปลี่ยนลิมิตได้บ่อยเท่าที่ต้องการ

    ความสามารถอื่นของแอพ LINE Mobile


    นอกจากหน้าจอหลัก Dashboard และ Control แล้ว เรายังสามารถกดปุ่มเมนูตรงมุมซ้ายบน เพื่อเข้าถึงความสามารถอื่นๆ ของแอพ LINE Mobile ได้ (หน้าจอนี้ยังใช้สลับภาษาของแอพระหว่างไทยกับอังกฤษได้ด้วย)

    [​IMG]
    ในที่นี้ จะขอกล่าวถึงความสามารถด้านการจัดการแพ็กเกจและจ่ายเงิน 3 ส่วน ดังนี้

    Billing (ค่าใช้จ่าย)


    หน้าจอ Billing แสดงรายละเอียดค่าใช้จ่ายประจำเดือน โดยจะแสดงเป็น timeline ตามลำดับเวลาให้ดูง่าย อีกทั้งสามารถกดจ่ายเงินจากหน้าจอนี้ได้ทันที (จ่ายได้ทั้งผ่านบัตรเครดิต-เดบิต และ Rabbit LINE Pay)

    ความสามารถอีกอย่างที่มีประโยชน์มากคือ เราสามารถกดที่รายละเอียดค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือน เพื่อดูไฟล์บิลฉบับเต็ม อันเดียวกับที่ส่งมาให้เราทางไปรษณีย์ได้ด้วย

    [​IMG]

    Packages (แพ็กเกจ)


    เมนูอันถัดมาคือ Package ที่แสดงรายละเอียดแพ็กเกจที่เราใช้อยู่ในเดือนนั้นๆ ว่าราคาเท่าไร ให้ปริมาณการโทรและเน็ตเท่าไร (SMS ไม่อั้นทุกแพ็กเกจ) เรายังสามารถกดสลับไปใช้แพ็กเกจอื่นได้จากหน้าจอนี้ โดยจะเริ่มมีผลในรอบบิลถัดไป

    หมายเหตุ: ราคาที่เห็นในภาพเป็นราคาแพ็กเกจในช่วง Beta Test และอาจเปลี่ยนแปลงได้เมื่อเปิดบริการเต็มรูปแบบ

    [​IMG]

    Toppings (แพ็กเกจเสริม)


    ในกรณีที่เน็ตแบบเต็มสปีดในแพ็กเกจของรอบเดือนนั้นไม่พอใช้งาน จะเปลี่ยนเป็นแพ็กเกจที่ใหญ่ขึ้นก็ต้องรอมีผลในรอบเดือนถัดไป เราสามารถกดซื้อเน็ตเสริมได้จากเมนู Topping เพื่อใช้งานเน็ตได้ทันที

    [​IMG]
    ทั้งหมดนี้คือฟีเจอร์เด่นของแอพ LINE Mobile ที่ปฏิวัติแนวคิดเดิมๆ ของการใช้งานโทรศัพท์มือถือ เพราะผู้ใช้สามารถควบคุมค่าใช้จ่าย และเปลี่ยนแปลงการใช้งานต่างๆ ด้วยตัวเองผ่านแอพ ต่างจากในยุคอดีตที่ต้องโทรแจ้งคอลล์เซ็นเตอร์หรือเข้าเว็บของผู้ให้บริการ

    อย่างไรก็ตาม LINE Mobile ยังอยู่ในขั้นพัฒนาและจะมีฟีเจอร์อื่นๆ ที่ถูกใจผู้บริโภคชาวไทยตามมาอีกมาก ขอให้อดใจรอกันอีกไม่นาน

    Topics: LINE MobileTelecomAdvertorial
     

Share This Page