"เอไอเอส" เผยไตรมาส 2 กำไรลดเหลือ 8.45 พันล้านบาท จาก 9.19 พันล้านบาท พร้อมหั่นรายได้ทั้งปีนี้ลงเหลือ 1-2% บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส (เอไอเอส ) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 มีกำไรสุทธิ 8.45 พันล้านบาทจากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 9.19 พันล้านบาท ส่วนงวด 6 เดือนแรกปีนี้มีกำไรสุทธิ 17,955 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 19,117 ล้านบาท เอสไอเอสระบุว่า โดยภาพรวมผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ บริษัทเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีขึ้น แม้ว่าจะมีการแข่งขันในตลาดที่สูงขึ้น รวมไปถึงสภาพเศรษฐกิจอ่อนตัว ด้วยคุณภาพที่มากขึ้นของเอไอเอส 3 จี ทำให้จำนวนลูกค้าเพิ่มขึ้นเป็น 34.4 ล้านเลขหมาย หรือ 80% ของฐานลูกค้า และ 77% ของฐานรายได้ ทั้งนี้เอไอเอสวางโครงข่าย 3G อย่างต่อเนื่องรวมทั้งสิ้น 19,300 สถานีฐาน ซึ่งครอบคลุมกว่า 97% ของจำนวนประชากรในครึ่งแรกของปี 2557 ทั้งนี้การที่กสทช. ได้ประกาศเลื่อนกำหนดการประมูลคลื่น 4G ออกไปเป็นปี 2558 ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนของบริษัทในปีนี้ สำหรับช่วงครึ่งหลังของปี ยังต่อยอดการลงทุนเพื่อสร้างประสบการณ์ในการใช้งานที่ดีแก่ลูกค้า การเร่งสร้างโครงข่ายคุณภาพจะช่วยให้เราส่งมอบบริการที่เหนือกว่าในราคาที่แข่งขันได้ นอกจากนี้ยังขยายโครงข่ายในพื้นที่ที่มีการใช้งานที่หนาแน่นด้วยการติดตั้งสถานีฐานย่อย รวมถึงขยายโครงข่ายใยแก้วนำแสงซึ่งนอกจากจะรองรับการขยายตัวของการใช้งานอินเทอร์เน็ตเคลื่อนที่แล้ว ยังสามารถรองรับโอกาสในธุรกิจบรอดแบรนด์อีกด้วย โดยยังคงเงินลงทุนโครงข่ายปีนี้ไว้ที่ 4 หมื่นล้านบาท สภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในครึ่งปีแรกที่อ่อนตัวนั้นส่งผลกระทบให้รายได้ของบริษัททรงตัวจากปีก่อน ดังนั้นบริษัทจึงปรับประมาณการรายได้ทั้งปีเป็นเติบโต 1-2% จากเดิมที่คาดว่าจะโต 6-8% โดยคาดว่าในครึ่งปีหลังสถานการณ์และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคจะปรับตัวดีขึ้นตามลำดับ ส่วนค่าส่วนแบ่งรายได้ระบบสัมปทานคิดที่ 20-30% ของรายได้ ด้วยกลยุทธ์นี้จะส่งผลให้ EBITDA margin ปรับเพิ่มขึ้น โดยคาดว่าในปีนี้ Service EBITDA margin (จากการให้บริการ) เพิ่มขึ้น 300bps จากปีก่อน จากต้นทุนค่าธรรมเนียม 2.1GHz ที่ลดลงเมื่อลูกค้ามาใช้บริการ 3G และชดเชยกับต้นทุนโครงข่ายและการตลาดที่เพิ่มขึ้น ด้าน นายชวิต แสงอุดมเลิศ ผู้อำนวยการฝ่ายวางแผนการเงินและนักลงทุนสัมพันธ์ บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น (DTAC) กล่าวว่า ช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจใหม่ จากเดิมจะเน้นการควบคุมต้นทุน เพื่อเพิ่มอัตรากำไรก่อนรายการภาษี ดอกเบี้ยจ่าย และค่าเสื่อมราคา หรือ อีบิทด้ามาร์จินให้อยู่ระดับ 35-37% ปรับเป็นหันมาทำกลยุทธ์การตลาดมากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้จากการบริการให้ได้ตามเป้า หรือรักษาให้อยู่ในระดับเท่ากับปีก่อนหน้าที่มีรายได้จากการบริการอยู่ที่ประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ในช่วงครึ่งปีแรก รายได้จากการบริการปรับลดลง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และรายได้จากบริการเสียงที่ลดลง ดังนั้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ บริษัทจะใช้งบการตลาดมากขึ้น เพื่อทำให้รายได้มีการเติบโตในระดับ 1% ซึ่งยังไม่ได้กำหนดว่าจะใช้งบประมาณเท่าใด ขึ้นอยู่กับสภาพการแข่งขันในตลาด อย่างไรก็ตามบริษัทเริ่มเพิ่มงบการตลาดมาตั้งแต่ 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมา เฉลี่ยประมาณ 7% ของรายได้ จากระดับปกติเฉลี่ยใช้งบการตลาดประมาณ 3-5% ของรายได้รวม สำหรับแนวโน้มในปีหน้านั้น รายได้จะเติบโตตามภาวะเศรษฐกิจที่คาดว่าจะมีการเติบโตในระดับ 4-5% จากปกติที่รายได้ของอุตสาหกรรมจะเติบโตมากกว่าการเติบโตของตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) แต่ในปีนี้อาจจะเติบโตไม่ได้ตามนั้น จากการแข่งขันของธุรกิจที่ยังแข่งกันแรง เขากล่าวต่อว่า ส่วนงบลงทุนรวมในปีนี้ยังอยู่ที่ระดับ 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ใช้ในการขยายโครงข่าย 3 จี ส่วนระบบ 4 จีนั้นก็รอความชัดเจนว่าในปีหน้าจะมีการประมูลหรือไม่ ซึ่งหากประมูลบริษัทก็ถือว่ามีความพร้อมด้านฐานะทางการเงิน จากอัตราหนี้สินต่ออีบิทด้าที่อยู่ระดับต่ำ หากรักษาระดับไม่ให้เกิน 2 เท่า บริษัทยังมีความสามารถในการกู้ยืมได้ถึงระดับ 6 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตามการเลื่อนประมูล 4 ปีออกไป แทบจะไม่กระทบกับการดำเนินงานของบริษัท เพราะในช่วง 1-2 ปีข้างหน้ายังมีเครือข่ายเดิมให้บริการลูกค้าอยู่ “ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทและผู้ประกอบการรายอื่น ได้เข้าไปชี้แจงกับทางกสทช.เรื่องการถือหุ้นของต่างด้าวแล้ว ก็ไม่มีอะไร บริษัทเชื่อมั่นว่าสามารถชี้แจงในเรื่องโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัทได้ เพราะทุกอย่างเป็นไปกฎเกณฑ์ที่มีอยู่” Tags : แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส • เอไอเอส • รายได้ • กำไร