คลังชี้สัญญาณเศรษฐกิจไตรมาส4ฟื้น

(รายงาน) คลังชี้สัญญาณเศรษฐกิจไตรมาส4ฟื้น มั่นใจ'จีดีพี'โตตามคาด1.4%

สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจประจำเดือนต.ค. 2557 ชี้ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจหลายตัวสะท้อนให้เห็นว่าในไตรมาส 4 เริ่มปรับตัวในทิศทางดีขึ้น แม้มีหลายปัจจัยเสี่ยง มีรายละเอียดดังนี้

ดัชนีเศรษฐกิจของไทยในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นว่าเครื่องชี้วัดเศรษฐกิจมีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ จากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชน และการใช้จ่ายภาครัฐ

ขณะที่อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออก ขยายตัวเช่นกัน ส่วนเศรษฐกิจด้านอุปทาน ภาคเกษตรกรรมชะลอตัว ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน

"สศค.คาดว่า ในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ เศรษฐกิจจะขยายตัวได้มากกว่า 4% และจะส่งผลให้จีดีพีปีนี้ขยายตัวได้ตามที่ สศค.คาดการณ์ คือ 1.4%" นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กล่าว

เมื่อพิจารณารายละเอียดของเครื่องชี้เศรษฐกิจต่างๆ พบว่า การบริโภคภาคเอกชนในต.ค.นั้น มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้น สะท้อนได้จากยอดการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ราคาคงที่ ในเดือนดังกล่าว ที่แม้ว่าจะกลับมาลดลง 1.7% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาล พบว่า ขยายตัว 2.8% ต่อเดือน

ทั้งนี้แบ่งเป็นภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการบริโภคภายในประเทศ ที่ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดีที่ 3.3% ต่อปี ขณะที่ภาษีมูลค่าเพิ่มที่จัดเก็บบนฐานการนำเข้าลดลง 7.5% ต่อปี

เช่นเดียวกับปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ในเดือนต.ค. แม้ว่ายังคงหดตัว เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ลดลง 7.6% ต่อปี ตามการลดลงของยอดขายรถจักรยานยนต์ทั้งในภูมิภาค และกทม. ที่ลดลง 11.4% และลดลง 6.5% ต่อปี ตามลำดับ

เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าปริมาณจำหน่ายรถจักรยานยนต์ สามารถขยายตัวได้ 0.9% ต่อเดือน ส่วนปริมาณจำหน่ายรถยนต์นั่งในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ยังคงหดตัวชะลอลดลง 28.0% ต่อปี และเมื่อขจัดผลทางฤดูกาลออกแล้ว พบว่า ขยายตัวได้ 1.4% ต่อเดือน

ดัชนีความเชื่อมั่นเดือนต.ค.เพิ่มขึ้น

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 69.6 จากในเดือนก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ 69.2 เนื่องจากผู้บริโภคมีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจไทยเพิ่มขึ้น จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และราคาน้ำมันแก๊สโซฮอล์ในประเทศที่ปรับตัวลดลงทำให้ภาระค่าครองชีพของประชาชนลดลง

ด้านเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนปรับตัวดีขึ้น โดยการลงทุนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายรถยนต์เชิงพาณิชย์ แม้ว่ายังคงหดตัวเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ลดลง 13.6% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัวที่ 0.8% ต่อเดือน

เบิกจ่ายรัฐขยายตัว 42.3%

สำหรับการใช้จ่ายภาครัฐมีอัตราเร่งขึ้น โดยพิจารณาจากการเบิกจ่ายงบประมาณในเดือนต.ค. พบว่า รัฐบาลสามารถเบิกจ่ายงบประมาณรวมได้จำนวน 367.6 พันล้านบาท ขยายตัว 42.3% ต่อปีเร่งขึ้นจากเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 2.3% ต่อปี

สะท้อนให้เห็นถึงการมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจของภาครัฐ โดยแบ่งเป็น รายจ่ายประจำ 330 พันล้านบาท ขยายตัว 36.7% ต่อปี และรายจ่ายลงทุน 14.8 พันล้านบาท ขยายตัว 449.6% ต่อปี ทั้งนี้ รายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2558 ในเดือนแรกเบิกจ่ายได้ 344.8 พันล้านบาท หรือ 13.4% ของวงเงินงบรายจ่ายปี 2558

นอกจากนี้ อุปสงค์จากต่างประเทศผ่านการส่งออกสินค้าในเดือนต.ค.ที่ผ่านมา กลับมาขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกันหรือขยายตัวสูงสุดในรอบ 21 เดือน โดยขยายตัวที่ 4.0% ต่อปี และขยายตัว 4.7% ต่อเดือนโดยสินค้าส่งออกที่ขยายตัวได้ดี ได้แก่ สินค้าในหมวดเกษตรกรรม น้ำตาลทราย ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์

ผลผลิตปศุสัตว์ขยายตัวดี

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักนโยบายเศรษฐกิจมหภาค สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ชี้แจงข้อมูลเศรษฐกิจไทยเพิ่มเติมว่า สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านอุปทาน ยังส่งสัญญาณหดตัวจากภาคเกษตรกรรม

ภาคเกษตรกรรม พบว่า ดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตรกรรมเดือนต.ค.ที่ผ่านมา ลดลงต่อเนื่อง โดยลดลง 5.2% ต่อปี ตามการลดลงของผลผลิตในหมวดพืชผลเป็นสำคัญ โดยเฉพาะข้าวเปลือก ที่ส่วนหนึ่งได้รับผลกระทบจากปัญหาภัยแล้งในช่วงต้นปี ทำให้เกษตรกรลดการปลูกข้าวนาปรังรอบที่ 2

ประกอบกับผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากมีการเร่งเก็บเกี่ยวไปแล้วในช่วงก่อนหน้าและยางพาราที่หดตัวลง เนื่องจากมีฝนตกชุกหนาแน่นในเขตภาคใต้ ทำให้เกษตรกรกรีดยางพาราไม่ได้ รวมไปถึงผลผลิตสับปะรดโรงงาน ปาล์มน้ำมัน และผลผลิตสุกรที่ปรับตัวลดลงในเดือนนี้

ส่วนผลผลิตในหมวดปศุสัตว์ ยังคงขยายตัวในเกณฑ์ดี โดยเฉพาะไก่เนื้อ และไข่ไก่จากความต้องการที่มีเข้ามาต่อเนื่อง และไม่มีรายงานสถานการณ์โรคระบาด

สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ระดับ 87.5 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้า โดยเป็นผลมาจากคำสั่งซื้อสินค้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงปลายปี โดยเฉพาะกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น อาหาร และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ขณะที่การค้าชายแดนยังคงขยายตัวได้ดี

ตัวเลขนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นในรอบ10

ขณะที่ภาคบริการสะท้อนจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่เดินทางเข้าประเทศไทย ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 เดือน โดยขยายตัว 6.1% ต่อปี และขยายตัว 12.3% ต่อเดือน สะท้อนถึงนักท่องเที่ยวต่างประเทศ มีความเชื่อมั่นต่อสถานการณ์ภายในประเทศเพิ่มขึ้น

นักท่องเที่ยวจากจีน ที่กลับมาขยายตัวสูงถึง 67.0% ต่อปี ซึ่งมีปัจจัยหลักจากการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าให้นักท่องเที่ยวจีนตั้งแต่เมื่อวันที่ 9 ส.ค.-8 พ.ย.ที่ผ่าน ประกอบกับการมีวันหยุดต่อเนื่องในวันชาติจีนในช่วงต้นเดือน

ระดับการว่างงานต่ำเพียง 0.8%

ด้านเสถียรภาพในประเทศยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี ส่วนเสถียรภาพต่างประเทศอยู่ในระดับมั่นคง สามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ โดยอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนต.ค. อยู่ที่ 1.5% ต่อปี ปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนที่อยู่ที่ 1.8% จากต้นทุนราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีทิศทางลดลงต่อเนื่อง และการปรับโครงสร้างราคาน้ำมันขายปลีกภายในประเทศ ขณะที่ อัตราการว่างงานยังอยู่ในระดับต่ำที่ 0.8% ของกำลังแรงงานรวม หรือคิดเป็นจำนวนผู้ว่างงาน 2.89 แสนคน

เสถียรภาพภายนอกประเทศถือว่าอยู่ในระดับมั่นคง สะท้อนได้จากทุนสำรองระหว่างประเทศอยู่ในระดับสูงที่ 160.6 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งสูงกว่าหนี้ต่างประเทศระยะสั้น 2.7 เท่า ซึ่งจะสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้

ภาษีธุรกรรมอสังหาฯก.ย.พุ่ง16.1%

ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในช่วงเดือนดังกล่าวว่า ลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและเดือนก่อนหน้าที่ลดลง 4.4% ต่อปี และลดลง 8.6% ต่อเดือนตามลำดับ เนื่องจากเดือนก.ย.ที่ผ่านมา มีกระแสข่าวเกี่ยวข้องกับภาษีมรดก จึงทำให้มีการเร่งทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ไปแล้ว และส่งผลให้ภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ในเดือนก.ย.ขยายตัวสูงที่ 16.1% ต่อปี

"ขณะนี้ยอดการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์เริ่มทรงตัวในระดับปกติแล้ว หลังจากที่รัฐบาลมีความชัดเจนเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีมรดก แต่ช่วงเดือนก.ย.ที่ผ่านมานั้น กระแสข่าวเรื่องดังกล่าวยังไม่ชัดเจน ทำให้ประชาชนเร่งโอนอสังหาริมทรัพย์กันมาก ทำให้ยอดการทำธุรกรรมสูงขึ้นผิดปกติ"

การลงทุนภาคเอกชน ในหมวดก่อสร้าง สะท้อนจากยอดขายปูนซีเมนต์ ลดลง 5.7% ต่อปี แต่เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าขยายตัวที่ 0.4% ต่อเดือน

Tags : ดัชนี • เศรษฐกิจ • สศค. • อุปสงค์ • อุปทาน • บริโภค • ธุรกรรม • กฤษฎา จีนะวิจารณะ • กุลยา ตันติเตมิท • ฟื้น